โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านนาโคกที่ขออะไรก็สมหวังดังชื่อ

วิหารหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก
ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก

          วัดนาโคกเป็นวัดเก่าแก่ มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี ตั้งอยู่ท้องที่หมู่ที่ ๒ ตำบลนาโคก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร สังกัดมหานิกาย มีเนื้อที่ ๒๑ ไร่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วแต่ไม่มีหลักฐานชี้ชัด สมัยก่อนมีสภาพเหมือนกับสำนักสงฆ์ มีกุฏิที่มุงด้วยใบจาก ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ พระครูสาครธรรมคุณ เดิมเป็นสมุห์ฐานานุกรมของพระธรรมศิริชัยอดีตเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งทางการได้ส่งและแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดนาโคก ได้ทำการก่อสร้างเสนาสนะทั้งหมดของวัดขึ้นใหม่

          ประวัติหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก เป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ทรงเทริดศิลปอยุธยาเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีประชาชน กราบไหว้บูชา บนบานศาลกล่าวกันและประสพผลสัมฤทธิ์ดังใจหวังไปซะทุกราย

          ตามประวัติของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก มีตำนานกล่าวไว้ว่า ในสมัยกรุงธนบุรีนั้น ชาวบ้านแถบนาโคกแห่งนี้มีอาชีพทำนาเกลือกันเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อได้ผลผลิตก็จะมีการนำเกลือไปแลกกับสินค้าอื่นๆ โดยการล่องเรือไปขายตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ ที่ขึ้นมาทางเหนือก็มี ไปทางภาคกลางก็มี ไปทางตะวันออกก็มีสุดแล้วแต่เส้นทางคมนาคมทางน้ำจะสะดวกไปในทางใด

          ซึ่งจากอาชีพนาเกลือนี้เองทำให้ชายชาวนาโคกสองคน เป็นพื่อนสนิทกันได้นำเกลือจากนาโคกขึ้นไปขายทางเหนือและซื้อข้าวกลับมาขายที่บ้านนาโคกเป็นปกติเหมือนทุกครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุอัศจรรย์กับเพื่อนทั้งสองคน นั้นก็คือตอนที่กำลังล่องเรือกลับ ระหว่างทางได้จอดเรือแวะพักที่พระนครศรีอยุธยา ขณะที่เดินเข้าไปในป่าริมน้ำเพื่อหาฟืนมาหุงหาอาหาร โดยเมื่อเดินลึกเข้าไปก็พบวัดร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์อยู่ ๒ องค์ขนาดไม่ใหญ่นัก องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย อีกองค์เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทร ทรงเทริดสมัยอยุธยา

          เมื่อเห็นดังนั้นทั้งเพื่อนสนิททั้งสองคนจึงเข้าไปกราบพระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์ จากนั้นก็พากันหาฟืนต่อเมื่อได้ฟืนตามที่ต้องการแล้ว จึงเดินกลับมาที่เรือ แต่เดินเท่าไรก็หาทางกลับไม่ได้ ยังคงเดินวนเวียนอยู่ในวัดร้างแห่งนั้นเหมือนกับว่าเป็นดินแดนที่ไม่มีทางออก ทั้งสองคนจึงปรึกษากันว่าอาจจะเป็นเพราะพระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์ก็เป็นได้ จึงเดินไปกราบที่พระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์อีกครั้ง แล้วก็คิดว่าถ้าหากนำพระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์กลับมาด้วยอาจจะกลับมาที่เรือได้

          ทั้งสองคนจึงตั้งจิตอธิฐานขอพรจากพระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์และขออันเชิญพระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์ไปประดิษฐาน ณ วัดนาโคก เมื่ออธิฐานเสร็จแล้วต่างคนต่างก็อุ้มพระพุทธรูปทั้งองค์กลับมาที่เรือด้วย และได้นำพระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์มาประดิษฐานที่วัดนาโคก โดยท่านเจ้าอาวาสในสมัยนั้นได้นำพระพุทธรูปทั้งสององค์ไปประดิษฐานที่หอไตร จนเวลาผ่านไปหลายปี จนลืมไปว่ามีพระพุทธรูปสององค์อยู่ที่หอไตร

วัดนาโคก ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

          อยู่มาวันหนึ่งทางหมู่บ้านนาโคก ได้มีการแก้บนศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับวัดนาโคก และมีการจัดมหรสพ ทั้งลิเก ละคร ซึ่งจัดใหญ่กว่าทุกครั้ง ทำให้สถานที่ไม่เพียงพอ เจ้าภาพจึงได้ไปขออนุญาตเข้าไปใช้พื้นที่จัดในวัดนาโคก ครั้นถึงเวลาการแสดงลิเก และละคร ได้เกิดปาฏิหาริย์คือพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ซึ่งประดิษฐานบนหอไตร ได้เสด็จลงมาอยู่ข้างล่างโดยมิได้มีใครนำลงมา ต่างก็ตกตะลึงกัน คณะลิเกและคณะละครต่างก็เกิดอาการจุกเสียดจนไม่สามารถแสดงได้ คนเฒ่าคนแก่ที่เห็นเหตุการณ์ต่าง ก็คิดได้ว่า พระพุทธรูปที่เสด็จลงมาคงเป็นเพราะปาฏิหาริย์ของพระพุทธรูป จึงได้บอกให้นำธูปเทียนมาบูชากล่าวขอขมาลาโทษเสีย จากนั้นคณะลิเกและละครต่างก็หายจุกเสียดเป็นอัศจรรย์

          หลังจากวันนั้นชาวบ้านนาโคกและใกล้เคียงต่างก็มากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปองค์นี้ บ้างก็มาขอพร บ้างก็มาบนบานศาลกล่าว และต่างก็สมประสงค์ทุกรายไป เป็นที่โจษขานกันต่อมาในความศักดิ์สิทธิ์ และชาวบ้านก็ขนานนามท่านว่า “หลวงพ่อสัมฤทธิ์”

          เดิมหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก นั้นพระเหลา(ขา)ข้างหนึ่งชำรุดเสียหาย เจ้าอาวาสวัดลาดเป้ง จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นสหธรรมิกกับเจ้าอาวาสวัดนาโคก ได้จัดพิธีหล่อระฆังขึ้นจึงนิมนต์หลวงพ่อสัมฤทธิ์มาประกอบพิธีหล่อพระเพลาที่ชำรุด แต่ไม่สามารถเททองหล่อได้สำเร็จ เพราะการหล่อนั้นต้องนำเศียรหลวงพ่อสัมฤทธิ์ลงดิน แต่ไม่ได้มีการขอขมาลาโทษก่อน จึงหล่อยังไงก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายต้องมีการทำพิธีขอขมาลาโทษจึงหล่อซ่อมพระเพลาได้สำเร็จ

          หลังจากนั้นหลวงพ่อสัมฤทธิ์ก็ประดิษฐานอยู่วัดลาดเป้งเป็นเวลานาน โดยมิได้นำกลับมายังวัดนาโคก จนกระทั่งเจ้าอาวาสทั้งสองมรณภาพลง ทางชาวบ้านวัดนาโคกจึงทวงถามไปยังวัดลาดเป้ง แต่วัดลาดเป้งกลับนิ่งเฉย ทางวัดนาโคกจึงรวบรวมชาวบ้านไปทวงคืน จนต้องมีการตกลงกันว่า หากวัดใดยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ขึ้นได้ด้วยคนเพียงคนเดียว วัดนั้นมีสิทธิ์ครอบครองหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ทางวัดลาดเป้งได้สิทธิ์ยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ก่อน แต่ยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น ในขณะที่คนของวัดนาโคกสามารถยกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ได้อย่างสบายจึงได้แห่แหนหลวงพ่อสัมฤทธิ์กลับคืนมาสู่วัดนาโคกดังปัจจุบันนี้.

วัตถุมงคลหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก

          เหรียญหล่อโบราณหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก

          สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้มีการจำลองรูปหลวงพ่อสัมทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรองค์นี้ขึ้น โดยทำเป็นแบบเหรียญหล่อโบราณรูปอาร์ม สร้างด้วยเนื้อทองผสม และเนื้อช้อนซ้อม(อัลปาก้า) แบบมีหูในตัว จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้ ปัจจุบันเหรียญนี้หาชมได้ยาก ชาวบ้านในพื้นที่หวงแหนกันมาก

เหรียญหล่อหลวงพ่อสัมฤทธิ์วัดนาโคกเนื้อทองเหลือง รุ่นแรก 2460 ทองเหลือง
เหรียญหล่อหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่นแรก ปี ๒๔๖๐ เนื้อทองเหลือง ของคุณตู่ วิโชติ


เหรียญหล่อหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่นแรก ปี ๒๔๖๐ เนื้อทองเหลือง
เหรียญหล่อหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่นแรก ปี ๒๔๖๐ เนื้อทองเหลือง ของคุณตู่ วิโชติ
เหรียญหล่อหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่นแรก ปี ๒๔๖๐ เนื้อทองเหลือง ของคุณเบิร์ด มหาชัย

เหรียญหล่อหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่นแรก ปี ๒๔๖๐ เนื้อช้อซ้อม ของคุณเบิร์ด มหาชัย

          ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ประทับยืนบนฐานบัวหงาย

          ด้านหลัง มีอักขระยันต์อ่านได้ว่า "อุด ทัง อัด โธ"  เป็นเหรียญหล่อแบบเบ้าประกบ

          พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก ฐานกลม

          พุทธลักษณะจำลองมาจากองค์หลวงพ่อสัมฤทธิ์ สร้างด้วยเนื้อทองเหลือง มีทั้งแบบรมดำและไม่รมดำ สูงประมาณ ๑๓ นิ้ว มีตามุก ใต้ฐานมีดินไทย ไม่มีการระบุปีที่สร้าง แต่น่าจะสร้างประมาณปี ๒๕๐๐ กว่าๆ

พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่นแรก

ด้านข้างของพระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก

ฐานมีดินไทยของพระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก

          จัดเป็นพระบูชาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แบบที่มีดินไทยค่อนข้างที่จะหายาก ผู้ใดมีครอบครองควรเก็บไว้ให้ดี เพราะองค์หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์มากไว้ขอพรมักได้ดังใจนึก

         เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่น ๒ ยันต์ใหญ่

         ลักษณะเป็นเหรียญปัีมแบบมีหูในตัว โดยพิมพ์ยันต์ใหญ่นี้จัดว่าเป็นพิมพ์นิยมของรุ่น ๒ เป็นเหรียญที่มีความนิยมมากอีกรุ่นหนึ่งของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ สร้างด้วยเนื้องทองแดง มีทั้งแบบที่มีกระไหล่ทองและ ไม่มีกระไหล่

เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่น ๒ ของคุณนิทัศน์ เหมือนงาม

          ด้านหน้า เป็นรูปจำลององค์หลวงพ่อ มีเม็ดไข่ปลาล้อมรอบ

          ด้านหลัง มีอักขระยันต์ มีเส้นบังคับพิมพ์ล้อไปกับขอบเหรียญ

          เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่น ๓

          ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปอาร์มเหมือนเหรียญรุ่นแรก มีหูในตัว จัดสร้างด้วยเนื้อทองเหลือง เพียงอย่างเดียว จำนวนการสร้างไม่ได้มีการระบุไว้

เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่น ๓

          ด้านหน้า เป็นรูปจำลององค์หลวงพ่อสัมฤทธิ์

          ด้านหลัง มีอักขระยันต์อ่านได้ว่า "อุด ทัง อัด โธ" ยันต์แบบเดียวกับรุ่นแรก

          เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่น ๔ 

          ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปอาร์ม ย่อมุมบน คล้ายๆเหรียญรุ่นแรก จัดสร้างด้วยเนื้อทองคำ เงิน และทองแดง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการระบุไว้

เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่น ๔

          ด้านหน้า เป็นรูปจำลององค์หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ด้านล่างมีอักขระยันต์อ่านได้ว่า "นะ มะ พะ ธะ" อันเป็นหัวใจธาตุ

          ด้านหลัง มีอักขระยันต์อ่านได้ว่า "อุด ทัง อัด โธ" เป็นยันต์แบบเดียวกับรุ่นแรก ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก"


          เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก รุ่นปี พ.ศ. ๒๕๐๐(ย้อน)

         ลักษณะคล้ายเหรียญรุ่น ๒ คือเป็นเหรียญปั๊มแบบมีหูในตัว เป็นเหรียญที่จัดสร้างย้อนปี พ.ศ. ที่พบเห็นมีเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียว

เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดนาโคก ป๊ ๒๕๐๐(ย้อน)

          ด้านหน้า มีลักษณะเหมือนเหรียญรุ่น ๒

          ด้านหลัง มียันต์และอักขระเขียนว่า "หลวงพ่อวัดนาโคก ๒๕๐๐"




โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังมีอยุ่ไหมค่ะรุ่น2500

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เหรียญปี 2500 ผมไม่มีในครอบครองเลยครับ

      ลบ

ค้นหาบล็อกนี้