ประวัติและวัตถุมงคลของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านแหลม
![]() |
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี |
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทรประดิษฐานอยู่ที่วัดต้นสน ตำบลบ้านแหลม อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เป็นที่เคารพของประชาชนทั่วไปทั้งในเขตอำเภอบ้านแหลม และอำเภอใกล้เคียง รวมทั้งชาวจังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้มาเสี่ยงทายบนบานอยู่มิได้ขาด
นับถือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านทำมาค้าขาย ประกอบอาชีพ แคล้วคลาดภยันตราย และรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ได้ด้วยน้ำพระพุทธมนต์ เป็นหลักยึดมั่นของชาวบ้านแหลม ในการสร้างความดีทางวัดจัดให้มีงานนมัสการเป็นประจำ ในราวเดือน ๑๒ ของทุกปี
ลักษณะของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรศิลปะแบบลพบุรีฝีมือมอญ มีความสูงประมาณ ๘๐ เซนติเมตร ความกว้าง วัดที่พระอุระ ๕๐ เซนติเมตร สร้างด้วยโลหะสัมฤทธิ์ทั้งองค์ได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดเป็นเวลาช้านาน
![]() |
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี |
ประวัติที่แท้จริงไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้แน่ชัด อาศัยเพียงหลักฐานทางพระพุทธศาสนากรรม และประวัติศาสตร์มาอ้างอิง เพื่อให้สอดคล้องใกล้เคียงกันเท่านั้น
วัดต้นสน เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ ตําบลบ้านแหลม อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ที่ดินตั้ง วัดมีเนื้อที่ ๑๗ ไร่ ๖ งาน ๐๓ ตารางวา
วัดต้นสน ตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๒๖ เดิมชื่อวัดสนธยา ซึ่งต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดต้นสน ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๖ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
ภายในวัดมีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ประทับยืนบนฐานสูง ๘๐ เซนติเมตร ๑ องค์ พระพุทธรูปสมัยลพบุรีหล่อด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ สร้างประมาณปี พ.ศ. ๑๖๐๐
วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๒๖ เมตร ยาว ๔๐ เมตร มีเจ้าอาวาสปกครองวัดเท่าที่ทราบนามดังนี้
๑. พระอธิการคล้ำ พ.ศ. ๒๓๒๖ - ๒๓๔๒
๒. พระอธิการคลิ้ง พ.ศ. ๒๓๔๘ - ๒๓๖๒
๓. พระอธิการยัง พ.ศ. ๒๓๖๘ - ๒๔๑๔
๔. พระอธิการสุด พ.ศ. ๒๔๑๙ - ๒๔๕๕
๕. พระอธิการ (ไม่ทราบนาม) พ.ศ. ๒๔๕๖ - ๒๔๖๗
๖. พระครูสังฆรักษ์(ท้วม) พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๔๗๘
๗. พระครูปัญญาคุณากร พ.ศ. ๒๔๗๙ - ๒๕๐๗
๘. พระมหาปัญญา พ.ศ. ๒๕๐๘ - ๒๕๐๙
๙. พระอธิการไป้ พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๑๗
๑๐. พระอธิการนิรัญย์ พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๒๒
๑๑. พระครูโสภณวัชรธรรม พ.ศ. ๒๕๒๓ - ๒๕๓๕
๑๒. พระครูพัชรคุณาทร พ.ศ. ๒๕๓๕ - ปัจจุบัน
ประวัติของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ มีเรื่องเล่าลือกันต่อมาว่า กษัตริย์แห่งกรุงหงสาวดีเป็นผู้สร้างพระองค์นี้ในสมัยขอมยังเป็นใหญ่ในดินแดนสุวรรณภูมิ ขอมกับมอญมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดเชื่อมโยงมาตั้งแต่ครั้งทวารวดี ด้วยเหตุนี้จึงผูกเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องกัน
อย่างไรก็ตามเรื่องที่เล่ากันนี้ ก็ยังพอมีเค้าความจริงอยู่บ้าง ซึ่งมีเรื่องอยู่ว่าเมื่อเกิดสงครามระหว่าง มอญกับพม่าขึ้น ซึ่งจะเห็นเป็นสมัยสมเด็จพระอนุรุทธมหาราช (มังช่อ) ราว พ.ศ ๑๖๐๐ ต้นเหตุของสงครามคือ ทางฝ่ายพม่าได้ขอคัมภีร์พระไตรปิฎก และพระคณาจารย์ผู้ทรงอภิญญา เพื่อนำไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในพม่า ซึ่งกำลังถูกแปรเปลี่ยนไปในทางเสื่อม แต่ทางมอญไม่ยอมให้โดยอ้างว่าพระคณาจารย์ไม่ยอมไป
ฝ่ายพม่านึกขัดเคืองเกิดความโกรธ จึงกรีธาทัพเข้าบุกมอญ ซึ่งในครั้งนั้นพระสงฆ์ฝ่ายรามัญประเทศได้ขนย้าย และซุกซ่อนพระธรรมคัมภีร์กับพระพุทธรูปเป็นการใหญ่ เพราะเกรงอานุภาพของพระเจ้าอนุรุทธ์มหาราช คิดว่ามอญจะคงสู้รบพม่าไม่ได้และแพ้ในสงครามคราวนี้ และมอญก็แพ้จริงๆดังคาดคงเป็นด้วยเหตุนี้หลวงพ่อสัมฤทธิ์จึงถูกซุกซ่อนไว้ในครัวต้นมะกอกใหญ่แห่งหนึ่ง ในเมืองหงสาวดีซึ่งอยู่มานานเท่าใดไม่ปรากฏ
![]() |
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี |
ต่อมามีชีปะขาวหรือชีผ้าขาวตนหนึ่ง ไปนั่งพักที่โคนต้นมะกอกที่มีพระพุทธรูปนี้ เมื่อล้มตัวนอนอยู่ได้เห็นอัศจรรย์ที่ปรากฏ เป็นแสงสว่างในบริเวณโพรงต้นมะกอก จึงขุดขุ้ยดูเห็นพระพุทธรูปองค์นี้เข้า จึงเอาผ้าขาวห่มแบกขึ้นบ่าเดินทางรอนแรมเข้ามาจนถึงสุโขทัย บังเอิญขณะข้ามแม่น้ำเรือได้เกิดล่ม พระพุทธรูปได้จมน้ำไปหาไม่เจอ
มีเรื่องเล่าต่อมาว่าพระพุทธรูปเกิดปฏิหารย์ลอยขึ้นมากระทบเรือพ่อค้าผู้หนึ่งเข้า (ซึ่งอาจเป็นฤดูแล้งน้ำลดตื้นเขินก็ได้) พ่อค้าผู้นี้จึงนำไปกับเรือ โดยใช้ใบตองปิดคลุมไว้ เที่ยวล่องเรือขึ้นลงค้าขายไปจนถึงเมืองสมุทรสงคราม ภายหลังพระพุทธรูปได้ไปเข้าฝันชาวบ้าน ชาวบ้านผู้นั้นจึงนำของไปแลกเปลี่ยนพระองค์นี้ไว้ และนำไปประดิษฐานที่วัดจันทรศิริผล จังหวัดสมุทรสงคราม (ปัจจุบันไม่ปรากฏวัดนี้ในพื้นที่สมุทรสงครามแล้ว)
กาลต่อมาได้มีคนร้ายลักเอาพระพุทธรูปองค์นี้ไปจากวัด และนำไปขายให้กับพ่อค้าเรือแขกตานี ซึ่งเป็นเรือใบบรรทุกสินค้าทางปักษ์ใต้นำมาขายในอ่าวแม่กลอง และอ่าวบ้านแหลม ทุกฤดูแล้งขาล่องก็นำสินค้าไปขายทางใต้
![]() |
วัดต้นสน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี |
เมื่อเรือออกจากอ่าวแม่กลองไป ก็มาแวะขายของที่อ่าวบ้านแหลม เพชรบุรี ได้จอดเรือที่วัดต้นสน เดิมชื่อวัดสนธยาซึ่งในสมัยนั้น วัดยังตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวบ้านแหลม หลวงพ่อสัมฤทธิ์ได้ไปเข้าฝันท่านสมภาร สมภารจึงได้ขอซื้อจากเรือแขก พ่อค้าเรือแขกตานีก็ถวายท่าน พระจึงมาตกอยู่ที่วัดต้นสน อยู่เป็นเวลาช้านาน
ตามคำที่บอกเล่ากันต่อๆมาว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ลอยมาพร้อมกับเรือนั้น เมื่อนานเข้าคำล่ำลือนั้นก็ผิดเพี้ยนไป ไม่ได้กล่าวถึงเรือแขก กลายเป็นว่าลอยน้ำมาทั้งองค์คนรุ่นหลังต่อมาได้ฟังก็เลยเข้าใจว่าลอยน้ำมาจริงๆ
กาลต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๕ มีคนร้ายลักหลวงพ่อไปขายให้กับชาวจีนในกรุงเทพฯ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ได้มาเข้าฝันสมภารชื่อ ยัง ท่านสมภารยังได้ออกติดตามจนไปพบ และขอซื้อมาด้วยเงินถึง ๔ ช่าง ๕ ตำลึง ซึ่งคิดเป็นเงิน ๓๔๐ บาท นับว่าเป็นเงินจำนวนมากทีเดียวในสมัยนั้น หลวงพ่อสัมฤทธิ์ จึงได้กลับมาประดิษฐานเป็นหลักชัยของวัดต้นสน
จากประวัติมีข้อขัดแย้งกันในเรื่องลักษณะของพระพุทธรูป หลวงพ่อสัมฤทธิ์ว่าเป็นพระสมัยใดกันแน่ หลายท่านบอกว่าเป็นสมัยปลายลพบุรี แต่ก็มีอีกหลายท่านยืนยันว่าเป็นพระสมัยอยุธยา
ในเรื่องของยุคสมัยนี้ชาวบ้านแหลมไม่ติดอยู่กับสมัยของพระ หรือความเก่าใหม่ประการใด ยังคงศรัทธาในองค์หลวงพ่อ มิเว้นวายและเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ ดังมีหลักฐานมากมายเป็นต้นว่า ในสมัยนายจรูญ โลกะกลิน เป็นนายอำเภอบ้านแหลม ท่านเป็นประธานจัดงานประจำปี หลวงพ่อสัมฤทธิ์ซึ่งในงานนี้ เป็นประเพณีว่าต้องแห่องค์หลวงพ่อไปตามลำน้ำเพชรบุรี ซึ่งกระทำเป็นประจำไม่ได้ขาดในตอนใกล้พิธีอัญเชิญองค์หลวงพ่อ ชาวบ้านก็มาช่วยกันยกองค์ท่านไปลงเรือ
แต่ปีนั้นเกิดอาเพศอย่างไรไม่ทราบ เพราะชาวบ้านหลายคนช่วยกันยกหลวงพ่อไม่ขึ้น ธรรมดาองค์หลวงพ่อก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรใช้คนเพียง ๒-๓ คนก็ยกได้สบาย แต่อัศจรรย์ที่หลายคนยกก็ไม่สามารถยกให้เคลื่อนที่ไปได้ จนนายอำเภอจรูญโลกะ กลิน ต้องจุดธูปเทียนบูชาขอขมา ลาโทษ และขอให้งานแห่ผ่านไปได้โดยเรียบร้อย พอขอขมาเสร็จ ท่านก็ตรงเข้ามายกองค์หลวงพ่อ ปรากฏว่าท่านเพียงผู้เดียวก็สามารถยกหลวงพ่อขึ้นได้อย่างง่ายดาย เรื่องนี้จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ชาวบ้านในที่นั้นมีจำนวนนับเป็นพันๆคนที่เห็นเหตุการณ์ หรือหากจะลองสอบถามนายอำเภอจรูญ ดูก็ได้ ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว.
สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีได้ตั้งกระทรวงวัฒนธรรมขึ้น โดยมีหลวงสวัสดิ์สรยุทธ เป็นรัฐมนตรี หลวงวิเชียรแพทยาคม เป็นอธิบดี ได้นำละครของกรมศิลป์มาเผยแพร่ ที่อำเภอบ้านแหลม และตั้งแสดงที่วัดต้นสน สมัยนั้นเป็นฤดูฝนฝนตกทุกวันและตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันละครกำหนดแสดง ๓ วัน ต่างก็กลัวกันว่าจะไม่ได้แสดง ท่านรัฐมนตรีต้องการจะพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ จึงได้บนบานขอให้ฝนหยุดตกสัก ๓ วัน ๓ คืน หากฝนไม่ตกจะถวายปัจจัยในการสร้างศาลาการเปรียญ เป็นจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
นับเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ฝนได้ตกรอบหมดทุกทิศเว้นแต่บริเวณงานเท่านั้นที่ฝนไม่ตกเลย ถึง ๓ วัน ๓ คืน ที่มีการแสดงละคร เมื่อเลิกงานแล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ท่านรัฐมนตรีและคณะประจักษ์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ จึงได้ขอเงินมาสร้างศาลาการเปรียญ ซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ทุกวันนี้
เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ เวลา ๑๕:๐๐ น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมาร (นามขณะนั้น) ได้เสด็จโดยการส่วนพระองค์ จากพระราชวังไกลกังวลหัวหินมานมัสการหลวงพ่อสัมฤทธิ์ และทรงเสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนชาวบ้านแหลม ในโอกาสวันเดียวกันนี้คณะกรรมการวัดต้นสนได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ แด่พระองค์ เป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง.
วัตถุมงคลหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน
วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างไว้เป็นเครื่องหมายแทนองค์หลวงพ่อ มีอยู่มากมายหลายชนิด อาทิเช่น รูปหล่อจำลองขนาดบูชา รูปจำลองขนาดเล็กแขวนบูชาได้ เหรียญทองแดง ทองแดงชุบทอง ลงยาทองขาว แหวนรูปหลวงพ่อลงยาสี พระผงผสมเกสรฯ
ประสบการณ์และความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญและพระเครื่องตลอดจน วัตถุมงคลของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ในรูปรอื่นๆก็มีปรากฏอยู่มากมายหลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน เช่น เด็กตกน้ำไม่จมบ้าง คาดแคล้วจากอุบัติเหตุ อุบัติภัย ทั้งบนบกและทางทะเลบ้างโดยเฉพาะบรรดาเรืออวนรากจะมีรูปหลวงพ่อติดไว้บูชาอยู่เรือทุกลำ.
พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นแรก
องค์พระจำลองมาจากหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน เชื่อกันว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นพระที่หล่อ ๒ ชิ้นมาประกอบกัน โดยหล่อแยกระหว่างองค์พระกับฐานบัวหงาย สร้างด้วยเนื้อทองเหลือง ก้นมีดินไทย มีความสูง ๙ นิ้ว บางองค์มีตามุข
![]() |
พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นแรก |
![]() |
พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นแรก |
![]() |
พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นแรก |
ที่ฐานบัวมีการแกะข้อความว่า "หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน" จำนวนการสร้างประมาณ ๑,๐๐๐ องค์
พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นสอง
สร้างขึ้นหลังปี พ.ศ. ๒๕๐๐ โดยองค์พระจำลองมาจากหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน เป็นพระที่หล่อ ๒ ชิ้นมาประกอบกัน โดยหล่อแยกระหว่างองค์พระกับฐานบัวหงาย สร้างด้วยเนื้อทองเหลือง มีดินไทย
![]() |
พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นสอง |
![]() |
พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นสอง |
![]() |
พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นสอง |
ที่ฐานมีป้ายแปะกำกับไว้ข้อความว่า "หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน อ.บ้านแหม จ.เพชรบุรี" (บางองค์ไม่มีป้ายกำกับ แต่แกะตัวอักษรไว้ก็มี) มีความสูง ๑๒.๘ นิ้ว ฐานกว้าง ๔.๕ นิ้ว
เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นแรก
สร้างในราวปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ลักษณะเป็นเหรียญพิมพ์พุ่มข้าวบิณทร์ มีหูในตัว เหรียญมีการสร้างด้วยเนื้อเงินลงยา อัลปาก้า และทองแดง และทองแดงกระไหล่ทอง จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้ จุดสังเกตุเหรียญรุ่นแรกนี้ให้จดจำยันต์ตัว นะ ให้แม่นยำ
![]() |
เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นแรก |
ด้านหน้า มีรูปจำลองหลวงพ่อสัมฤทธิ์ องค์พระชัดเจนมีหน้ามีตา มีลายกนกล้อไปกับขอบเหรียญ
ด้านหลัง มีอักขระยันต์ นะ อรหัง อ่านได้ว่า "นะ อะ ระ หัง สัม มา สัม พุท โธ" ไม่มีตัวอักษรไทยบนพื้นเหรียญ
เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นสอง
สร้างขึ้นหลังปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ลักษณะคล้ายเหรียญรุ่นแรกแต่ขาดความคมชัดขององค์พระและยันต์ด้านหลังจะขาด ลักษณะเป็นเหรียญพิมพ์พุ่มข้าวบิณทร์ มีหูในตัว เหรียญมีการสร้างด้วยเนื้ออัลปาก้า และทองแดง จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้ จุดสังเกตุเหรียญรุ่นแรกนี้ให้จดจำยันต์ตัว นะ ให้แม่นยำ ซึงจะแตกต่างกับรุ่นแรก
![]() |
เหรียญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดต้นสน รุ่นสอง |
ด้านหน้า มีรูปจำลองหลวงพ่อสัมฤทธิ์ องค์พระขาดความชัดเจน มีลายกนกล้อไปกับขอบเหรียญ
ด้านหลัง มีอักขระยันต์ นะ อรหัง อ่านได้ว่า "นะ อะ ระ หัง สัม มา สัม พุท โธ" ไม่มีตัวอักษรไทยบนพื้นเหรียญ ตัวยันต์ "สัม" ขาดกลาง และยันต์ขาดความชัดเจน
นิ้ว ก้นดินไทย รุ่นแร พร
โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***
หิ้งๆ สูง ๙นิ้ว ก้นดินไทย รุ่นแร
ไม่มีความคิดเห็น