ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อเพิ่ม วัดดอนตูม ราชบุรี
![]() |
หลวงพ่อเพิ่ม วัดดอนตูม ราชบุรี |
หลวงพ่อเพิ่ม วัดดอนตูม หรือ พระครูโสภณรัตนากร อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนตูม ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
พระครูโสภณรัตนากร ท่ามีนามเดิมว่า เพิ่ม นามสกุล บัวทอง พื้นเพเป็นชาวบ้านบ้านหนองหญ้าปล้อง (อดีตตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม) ตำบลสวนกล้วย อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ ตรง กับวันจันทร์ เดือน ๘ ปีชวด โยมบิดาชื่อนายทัน บัวทอง โยมมารดาชื่อนางทอ บัวทอง มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๙ คน คือ
๑. นางสุก แซ่ลิ้ม
๒. นายยง บัวทอง
๓. นายแถว บัวทอง
๔. นางเลียม บัวทอง
๕. นายฉาว บวทอง
๖. นายใจ๋ บัวทอง
๗. นายฉอย บัวทอง
๘. น.ส. เสงี่ยม บัวทอง
๙. นายเพิ่ม บัวทอง (พระครูโสภณรัตนากร)
เมื่อเยาว์วัย ท่านได้สำเร็จการศึกษาวิชาสามัญ ป. ๓ จากโรงเรียนวัดหุบมะกล่ำ ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เมื่อเจริญวัยได้ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัว
ปี พ.ศ. ๒๔๗๔ หลวงพ่อเพิ่มท่านมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงได้ทำการอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหนองหญ้าปล้อง ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ ได้รับฉายาว่า "เขมกาโม" โดยมี
หลวงพ่อแหยม (พระครูโพธาภิรม) วัดบ้านเลือก เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงพ่ออินทร์ (พระครูประสาทสังวรกิจ) วัดโบสถ์ เป็นกรรมวาจาจารย์
หลังจากอุปสมบทแล้วท่านได้อยู่จําพรรษาที่วัดหนองหญ้าปล้องเรื่อยมา อันเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน แต่ท่านได้เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดบ้านโป่ง
ปี พ.ศ. ๒๔๗๔ ท่านสอบได้นักธรรมตรี
ต่อมาไปจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมต่อ เพราะต้องการร่ำเรียนได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านสอบได้นักธรรมโท
ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโพรงมะเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมต่อ จนสอบได้นักธรรมเอก
ท่านได้เป็นครูช่วยสอนพระปริยัติธรรมที่วัดโพรงมะเดื่อ วัดรางปลาหมอ ตำบลสวนบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
ปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณรตลอดมา และได้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดอนตูม
ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ พระครูปัญญาธิการ (เต่า โพธิสาโร) ได้มรณภาพลง ชาวบ้านและคณะสงฆ์จึงยกให้หลวงพ่อเพิ่มรักษาการเจ้าอาวาสวัด
ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ หลังจากที่หลวงพ่อเพิ่มรักษาการเจ้าอาวาสวัดดอนตูมได้ ๑ ปี ท่านจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนตูมทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
วัดดอนตูม เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๑๑๖ - ๑๓๐ บ้านดอนตูม ถนนทรงพล ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๒๕ ไร่ ๓ งาน
วัดดอนตูม ตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๐ เดิมเป็นป่าดงพงไพร ที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย นายพรานจะออกมาล่าสัตว์อยู่ประจำ อาวุธที่ใช้ล่าสัตว์ก็จะเป็นปืนแก๊ป เมื่อยิงก็จะมีเสียงดังตูมๆ มิได้ขาด ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันจัดสร้างวัดขึ้นและใช้ชื่อว่า วัดดอนตูม มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม เปิดสอนเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗
วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๖ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร มีรายนามเจ้าอาวาสปกครองวัดเท่าที่ทราบนาม คือ
๑. พระจันทร์
๒. พระเบ้า
๓. พระสิน
๔. พระย้อย
๕. พระมืด
๖. พระอธิการโลน
๗. พระครูปัญญาธิการ (เต่า โพธิสาโร) พ.ศ. ๒๔๗๐ - ๒๔๙๒
๘. พระครูโสภณรัตนากร (เพิ่ม เขมกาโม) พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๕๑๘
๙. พระครูอินทคุณาวลัย (ตัน องกุโร) พ.ศ. ๒๕๑๘ - ปัจจุบัน
หลังจากที่หลวงพ่อเพิ่มได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๔ ท่านได้จัดการสร้างเสริมเติมต่อพระพุทธฉายจำลอง ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุอันสําคัญและจัดเป็นงานประจำปีของวัด ให้ประชาชนในถิ่นนั้นและจังหวัดใกล้เคียงมานมัสการเป็นประจำตลอดมา ได้สร้างเสริมเติมต่อกำแพงและซุ้มประตูวัด ซึ่งกั้นเป็นเขตสังฆาวาสด้านถนนทรงพล
ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านได้เริ่มวางรากฐานสร้างโรงเรียนประชาบาลชั้นประถมศึกษา หลังที่ ๑ ลักษณะ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น พื้นไม้แข็ง หลังคาทรงไทย กว้าง ๘ เมตร ยาว ๘๐ เมตร สร้างด้วยเงิน ก.ศ.ศ. และข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคสมทบ สิ้นเงินก่อสร้าง ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เสร็จเรียบร้อย ทําพิธีเปิดป้ายนามโรงเรียน เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ โดยมี พลอากาศโท มุนี มหาสันทนเวชยันรังสฤษฎิ์ เป็นประธาน
ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ทําการหล่อพระประธานปางสุโขทัย หน้าตักกว้าง ๑.๗๕ เมตร ลงรักปิดทอง อย่างสวยงาม สิ้นเงินในการหล่อ ๖๐,๐๐๐ บาท โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ทองอยู่ ญาโณทัย ป.ธ. ๙) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นประธานเททอง
ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูประทวน
ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ สร้างฌาปนสถาน ๑ หลัง(เมรุเผาศพ) สิ้นเงินค่าก่อสร้าง ๑๗๐,๐๐๐ บาท สร้างศาลาคู่เมรุ "ศาลาสหศรัทธาทัย" อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น หลังคาทรงไทย ชั้นบนใช้เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม ชั้นล่างใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล และใช้เป็นที่ประชุมทั่วไป
ซึ่งเป็นอาคารติดต่อกัน กว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๗๒ เมตร พื้นคอนกรีตหินขัด สิ้นเงินค่าก่อสร้าง ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
พระครูเพิ่ม (พระครูโสภณรัตนากร) นายจันทร์ สมบูรณ์กุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และคณะเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ณ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ทรงเจิมพระพุทธสิหิงค์ (จําลอง) และพระราชทานแก่วัดดอนตูม เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ เวลา ๑๑.๐๐ น.
ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลเบิกไพร ตำบลลาดบัวขาว อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และจัดงานสมโภชพระพุทธสิหิงค์ที่ได้รับพระราชทาน และสร้างวัตถุมงคล เพื่อหาทุนสร้างพระวิหารพระพุทธสิหิงค์ คือ
๑. สร้างเหรียญพระพุทธสิหิงค์กะไหล่ทอง
๒. สร้างเหรียญพระพุทธสิหิงค์กะไหล่เงิน
๓. สร้างเหรียญล้อคเก็ตพระพุทธสิหิงค์
๔. สร้างเหรียญล้อคเก็ตพระสิวลี
๕. สร้างเหรียญล้อคเก็ตสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากนี้ ท่านยังได้เป็นเจ้าสํานักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดดอนตูม เป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดดอนตูม เป็นกรรมการตรวจข้อสอบประโยคนักธรรมชั้นตรีสนามหลวง ที่วัดมหาธาตุ จังหวัดราชบุรี
ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท มีพระราชทินนามว่า "พระครูโสภณรัตนากร"
ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เมื่อวันที่ ๑๕ พฟษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ จัดงานวางศิลาฤกษ์พระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร. ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช (จวน ป.ธ. ๙) วัดมกุฏกษัตริยาราม กรุงเทพมหานคร เสด็จทรงเจิมและวางแผ่นศิลาฤกษ์พระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร.
สร้างพระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร. จตุรมุข เพื่อประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ที่ได้รับพระราชทานสิ้นเงินค่าก่อสร้าง ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เสร็จเรียบร้อย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธีเปิดพระวิหารพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร. จตุรมุข ทรงเจิมแผ่นศิลาฤกษ์อุโบสถจตุรมุข และทรงเสด็จเยี่ยมพสกนิกร ที่มารอคอยเฝ้ารับเสด็จ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๕
ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ สร้างโรงเรียนประถมศึกษาตอนปลาย หลังที่ ๒ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น หลังคาทรงไทย กว้าง ๘ เมตร ยาว ๔๒ เมตร ได้รับเงินงบประมาณ ๔๔๐,๐๐๐ บาท ทางวัดร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาบริจาคสมทบอีก ๑๘๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๖๒๐,๐๐๐ บาท
ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ สร้างวัตถุมงคล และทํามหาพิธีพุทธาภิเษกที่วัดระฆังโฆสิตาราม เพื่อหาทุนสร้างพระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร. คือ
๑. พระพุทธสิหิงค์ทองคํา (พระเครื่อง)
๒. เหรียญพระปรมาภิไธยทองคําฝังเพชร ภ.ป.ร.
๓. เหรียญพระปรมาภิไธยทองคํา ภ.ป.ร.
๔. เหรียญพระปรมาภิไธยนาก ภ.ป.ร.
๔. เหรียญพระปรมาภิไธยเงิน ภ.ป.ร.
๕. พระพิมพ์ผงเกศาสมเด็จ (๕ สมเด็จ)
๖. พระพิมพ์ผงสมเด็จเกษร ๑๐๘
๗. พระพิมพ์ผงสมเด็จพระพุทธสิหิงค์เกษร ๑๐๘
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เมื่อวันที่ ๒-๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ จัดงานพุทธาภิเษกหล่อพระพุทธรูป และพระกริ่ง "สมเด็จพระพุทธวิชิตมาร มงคลสามสมัย บรมไตรโลกนาถ ประสาธน์สันติสุขสวัสดี ชินสีห์บพิตร" จํานวน ๙๙๙ องค์ และพระกริ่งมงคลสามสมัย (พระเครื่อง) เพื่อหาทุนสร้างกุฏิสงฆ์ โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (จวน ป.ธ. ๙) วัดมกุฏกษัตริยาราม กรุงเทพมหานคร เสด็จทรงเป็นประธานเททอง
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เริ่มวางรากฐานสร้างกุฎีสงฆ์ ๔ หลัง อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น หลังคาทรงไทย มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองแก่ เสร็จเรียบร้อย
ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในพระราชทินนามเดิม
ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ สร้างพระพิมพ์ผงสมเด็จเกษร ๑๐๘ ว่าน ๑๐๘ จํานวน ๒,๐๐๐ องค์เศษ ส่งไปทําพิธีพุทธาภิเษกที่วัดวังมะนาว จังหวัดราชบุรี เพื่อหาทุนสร้างอุโบสถจตุรมุข
วางรากฐานสร้างอุโบสถจตุรมุข ซึ่งหลวงพ่อเงิน (พระราชธรรมาภรณ์ ) วัดดอนยายหอม อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม เป็นผู้ตอกเข็มเป็นปฐมฤกษ์
วางรากฐานสร้างกุฎีสงฆ์อีก ๒ หลัง อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น หลังคาทรงไทย มุงด้วยกระเบื้องสีเหลืองแก่ ทําการก่อสร้างควบคู่กันไปกับอุโบสถจตุรมุข
ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๕ จัดงานรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทั้ง ๒ พระองค์เสด็จพระราชดําเนินไปทรงประกอบพระราชพิธีเปิด พระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร. และทรงเจิมแผ่นศิลาฤกษ์อุโบสถจตุรมุข
ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ จัดงานทําพิธีจารึกดวงมงคลชะตาชีวิตลงในแผ่นหินอ่อน สําหรับบรรจุไว้ ใต้แท่นบูชาพระประธานในอุโบสถจตุรมุข เพื่อหาทุนสร้างอุโบสถ
วางโครงงานปิดทองฝั่งหลักนิมิตเขตวิสุงคามสีมาที่ได้รับพระราชทาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ ๑๐-๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ (แต่ท่านก็มาด่วนมรณภาพลงเสียก่อน)
ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ จัดสร้างทําเหรียญรูปเหมือนพระครูปัญญาธิการ (หลวงพ่อเต่า โพธิสาโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนตูม และสร้างเหรียญรูปเหมือนตัวท่านเองเป็นจํานวนมาก เพื่อหาทุนสร้างอุโบสถจตุรมุขและกุฎีสงฆ์ (งานการก่อสร้างอุโบสถจตุรมุข และ กุฎีสงฆ์ดําเนินไปได้เพียง ๕๐ เปอร์เซนต์เท่านั้น ท่านก็มรณภาพเสียก่อน)
หลวงพ่อเพิ่มปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ เวลา ๑๔.๐๐ น. นับรวมสิริอายุได้ ๖๓ ปี ๕๓ พรรษา.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อเพิ่ม วัดดอนตูม
เหรียญพระพุทธสิหิงค์ วัดดอนตูม รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์สร้างพระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปน้ำเต้าแบบมีหูในตัว ในพิธีพุทธาภิเษกทางวัดได้นิมนต์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อสอน วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก หลวงพ่อย่น วัดบ้านฆ้อง หลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม หลวงพ่ออ๊ด วัดโกสินารายน์ และหลวงพ่อพิมมาลัย วัดหุบมะกล่ำ มาปลุกเสก เหรียญมีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงกระไหล่ทอง และเนื้อทองแดงกระไหล่เงิน จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญพระพุทธสิหิงค์ วัดดอนตูม รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระพุทธสิหิงค์ (จำลอง) ใต้รูปองค์พระมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระพุทธสิหิงค์ ๑"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์อ่านได้ว่า "พุท ธะ สัง มิ" ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึกในงานสมโภชพระพุทธสิหิงค์พระราชทาน วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๖"
เหรียญพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. วัดดอนตูม รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์สร้างพระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร. ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปอาร์มแบบมีหูในตัว ทํามหาพิธีพุทธาภิเษกที่วัดระฆังโฆสิตาราม เหรียญมีการสร้างด้วยเนื้อทองคำฝั่งเพชร เนื้อทองคำ เนื้อนาก และเนื้อเงิน จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. วัดดตอนตูน ราชบุรี ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เนื้อเงิน |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. บนโบภายในโบมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "เป็นที่ระลึกแก่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างอุโบสถ" ใต้โบมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดดอนตูม"
ด้านหลัง มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อุโบสถ วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ๒๕๑๓"
พระกริ่งพระพุทธสิหิงค์ วัดดอนตูม รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์สร้างพระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร. ลักษณะเป็นพระกริ่งหล่อ ทํามหาพิธีพุทธาภิเษกที่วัดระฆังโฆสิตาราม มีการสร้างด้วยเนื้อทองคำ เนื้อนาก เนื้อเงิน และเนื้อทองแดง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
พระกริ่งพระพุทธสิหิงค์ วัดดอนตูม ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เนื้อทองคำ |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระพุทธสิหิงค์ (จำลอง) ที่ฐานองค์พระมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระพุทธสิหิงค์พระราชทาน"
ด้านหลัง มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดดอนตูม ๒๕๑๓"
พระกริ่งสามสมัย วัดดอนตูม
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์สร้างพระวิหารพระพุทธสิหิงค์ ภ.ป.ร. ลักษณะเป็นพระกริ่งหล่อ ทํามหาพิธีพุทธาภิเษกที่วัดระฆังโฆสิตาราม มีการสร้างด้วยเนื้อทองเหลืองเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
พระกริ่งสามสมัย วัดดอนตูม ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เนื้อทองเหลือง |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย
ด้านหลัง ไม่ปรากฏอักขระใดๆ
เหรียญหลวงพ่อเพิ่ม วัดดอนตูม รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อเพื่อหาทุนสร้างอุโบสถจตุรมุขและกุฎีสงฆ์ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อเพิ่ม วัดดอนตูม รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เนื้อทองแดง |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อเพิ่มนั่งเต็มองค์ มือทั้งสองข้างจับที่หัวเข่า องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูโสภณรัตนากร เพิ่ม บัวทอง"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์ ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดดอนตูม"
เหรียญหลวงพ่อเต่า วัดดอนตูม
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อเพื่อหาทุนสร้างอุโบสถจตุรมุขและกุฎีสงฆ์ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว โดยจำลองมาจากเหรียญที่ออกเมื่อปี ๒๔๙๓ มาเป็นแบบ ทำให้ปัจจุบันเล่นหากันสับสน มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อเต่า วัดดอนตูม (ย้อนยุค) ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อเต่าครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ขอบเหรียญมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูปัญญาธิการ วัดดอนตูม ๙ มี.ค. ๙๓"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีความคิดเห็น