ประวัติและวัตถุมงคลของหลวงพ่อโต (พระครูธรรมวิถีสถิติ์) วัดคู้ สมุทรสงคราม เหรียญขลังที่หาแท้ยาก
หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิติ์ สมุทรสงคราม |
ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง แม้จะเป็นพื้นที่เล็กๆแต่ก็มากด้วยเกจิอาจารย์ดังๆ ที่มีวิชาอาคมเข้มขลังมากมายหลายองค์ อาทิเช่น หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อใจ วัดเสด็จ หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง หลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก หลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย หลวงพ่ออ่วม วัดไทร หลวงพ่อเหมือน วัดกลางเหนือ หลวงพ่อรอด วัดบางขันแตก หลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์
หลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม หลวงพ่อแดง วัดท้ายหาด ฯลฯ
แต่ถ้าพูดถึงเกจิอาจารย์ยุคเก่า ที่เก่งกาจด้านคาถาอาคมและเชี่ยวชาญด้านยาสมุนไพร ที่รักษาโรคต่างๆ
ได้อย่างเห็นผลทันตา หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ หลวงพ่อโต สุวณฺณคงโต หรือ ท่านพระครูธรรมวิถีสถิติ์ วัดคู้ (ธรรมสถิติ์)
ติดอยู่ในอันดับต้นๆแน่นอน
หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิติ์ หรือ ท่านพระครูธรรมวิถีสถิติ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมสถิติ์วราราม ตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ตามประวัติที่ได้บันทึกไว้ ท่านนามเดิมว่า โต สิทธิชัย พื้นเพเป็นชาวบ้านบ้านบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี
ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๕ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเมีย โยมบิดาชื่อนายอยู่ สิทธิชัย โยมมารดาชื่อนางตุ่น สิทธิชัย อาชีพดั้งเดิม ประกอบอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๔ คน
ปี พ.ศ. ๒๔๔๕ หลวงพ่อมีอายุครบ ๒๐ ปี ได้รับการอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดกุฏิบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ได้รับฉายาว่า "สุวณฺณคงโต" โดยมี
พระอธิการสิน วัดปรกสุทธาราม อำเภออัมพวา สมุทรสงคราม เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอาจารย์เจียม วัดปรกเจริญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอาจารย์แฉ่ง วัดกุฏิบางเค็ม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังจากที่ท่านอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดกุฏิบางเค็ม เพื่อร่ำเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อแฉ่ง ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อแฉ่ง ท่านมีหลวงพ่อชุ่มเป็นศิษย์ที่มีวิชาอาคมเข้มขลังอีกรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของหลวงพ่อโต โดยมีอายุมากกว่าหลวงพ่อโต ๘ ปี
หลังจากศึกษาวิชาอาคมและศึกษาพระธรรมวินัยต่างๆจากหลวงพ่อแฉ่งจนครบถ้วนแล้ว ท่านจึงได้ออกธุดงค์วัตรไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อศึกษาขัดเกลาตามธรรมเนียมนิยมของพระในสมัยนั้น
ต่อมาตำแหน่งเจ้าอธิการวัดคู้ได้ว่างลง ชาวบ้านและคณะสงฆ์จึงพร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อโต ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
วัดธรรมสถิติ์วราราม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบางขันแตก อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม
วัดธรรมสถิติ์วราราม ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุ ได้ความว่าปี พ.ศ. ๒๓๐๐ มีเจ้าอาวาสแล้ว ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาปี พ.ศ. ๒๔๐๐
สมัยโบราณเรียกว่า วัดคู้ธรรมศาลา ต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดคู้โพงพาง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๔ เพื่อให้พ้องกับชื่อตำบล
ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ ทางราชการได้ยุบตำบลโพงพางรวมกับตำบลบางขันแตกเป็นตำบลเดียวกัน จึงเปลี่ยนชื่อวัดอีกว่า วัดคู้บางขันแตก เพื่อให้พ้องกับชื่อตำบล
ต่อมาพระเทพเวที (สนิธ เขมจารี) เห็นวัดนี้ชื่อพ้องกับวัดบางขันแตก จึงแนะนำให้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่าเป็น วัดคู้ธรรมสถิตติ์ ตามนามของพระครูธรรมวิถีสถิตติ์ (โต สิทธิชัย) อดีตเจ้าอาวาส ผู้สร้างความเจริญให้แก่วัด ต่อมาทางราชการได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "วัดธรรมสถิตติ์วราราม" จนถึงปัจจุบัน
ภายในวัดมีพระอุโบสถเก่า ลวดลายหน้าบันสวยงาม ปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระประธานในอุโบสถ เป็นพระปั้นด้วยปูนปางมารวิชัย แบบโบราณ ขนาดหน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๑ คืบ สูง ๖ ศอก ๑๑ นิ้ว
และพระสังกัจจายน์ มีงานปิดทองกลางเดือน ๓ ของทุกปี วัดยังมีพิพิธภัณฑ์เรือ รวบรวมเรือชนิดต่างๆ ไว้มากมาย โดยพระมหานรินทร์ เตชธมฺโม เจ้าอาวาส เป็นผู้เก็บรวบรวมไว้ มีเรือขุดด้วยไม้ตะเคียน เรือกง เรือมาด เรือสำปั้น และเรือชนิดต่างๆ มากมายกว่า 30 ลำ
หลวงพ่อชุ่ม วัดกุฏิบางเค็ม เพชรบุรี |
หลังจากที่หลวงพ่อโตได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ด้วยคุณงามงามดีของหลวงพ่อโตที่พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นอันมาก ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่ พระครูธรรมวิถีสถิติ์ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘
หลวงพ่อโต นอกจากท่านจะเป็นพระนัดพัฒนาแล้ว ท่านยังถือเป็นพระวิปัสสนาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังในลุ่มน้ำแม่กลอง ท่านยังเป็นพระผู้เรืองวิชาอาคมอีกด้วย และท่านยังเป็นพระสหมิกธรรมกับหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก เพชรบุรี แลกเปลี่ยนวิชากันอีกด้วย
ซึ่งหลวงพ่อโตท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ
จากพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของลุ่มน้ำแม่กลองมากมาย อาทิ หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง หลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย และยังเป็นพระสหมิตรกับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อสุข วัดโตนดหลวง
จังหวัดเพชรบุรีอีกด้วย
จึงนับได้ว่าหลวงพ่อโต
นั้นท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ มาจนแทบหมดสิ้น
นอกจากการเล่าเรียนวิทยาอาคมแล้ว หลวงพ่อโตท่านก็ยังเรียนตำราไพรที่มีชื่อว่า
ยาเหลืองพระพัตร์พิชัย ซึ่งเป็นยาที่มีสรรพคุณหลายด้าน อาทิเช่น แก้ไข้
แก้ปวด แก้โรคซาง ตาแดงตาเจ็บ โรคอหิวาตกโรค และหญิงมีครรภ์จะคลอดบุตรง่าย
หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิติ์ สมุทรสงคราม |
หลวงพ่อโต หลังจากที่ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทางด้านวิทยาอาคม ต่างๆจากเกจิชื่อดังในลุ่มน้ำแม่กลอง
จนเชี่ยวชาญและเก่งกล้าแล้ว ท่านก็ได้ออกธุดงควัตร
ขึ้นไปทางต้นแม่น้ำแม่กลอง จนไปถึงจังหวัดกาญจนบุรี และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ดังของจังหวัดกาญจนบุรี มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
หลวงพ่อโต ท่านได้ศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ จากหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จนแตกฉานหมดสิ้น
หลังจากนั้นท่านจึงได้เดินทางกลับมายังวัดคู้ธรรมสถิติ์ แล้วจึงเริ่มทำยาเหลืองพิชัย หรือยาไพลออกแจกจ่าย
และได้รับความอนุเคราะห์จากทางแพทย์แผนโบราณ ให้สามารถทำการรักษาโรคได้
การทำยาของ หลวงพ่อโต นั้น ในสมัยท่านมีชีวิต ท่านมีความเชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรเป็นอย่างมาก จนเป็นที่กล่าวขานและร่ำลือว่า ถ้าใครเป็นไข้ไม่สบายล่ะก็ ถ้ามาหา หลวงพ่อโต แล้วไม่ผิดหวังแน่นอน
หลวงพ่อโต สมัยท่านมีชีวิตอยู่ ท่านได้พัฒนาและสร้างถาวรวัตถุต่างๆ แก่วัดคู้ธรรมสถิติ์ ไว้มากมาย ท่านเสียสละแรงกาย แรงใจพัฒนาวัดอย่างเต็มที่ จนวันหนึ่งในขณะที่หลวงพ่อโตท่านเตรียมจะทำการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถวัดคู้ธรรมสถิติ์ ที่เริ่มเสื่อมโทรมลงตามกาลเวลา ท่านก็เริ่มอาพาธ
บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือในตัวท่านได้แนะนำ
และพาท่านไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพฯ
ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยและลงความเห็นว่า
ท่านเป็นเนื้องอกที่ภายในจะต้องทำการผ่าตัดและให้โลหิต ซึ่งถือเป็นการผ่าตัดใหญ่
แต่หลวงพ่อโตท่านก็มิได้ตกลงใจที่จะรักษา ด้วยญาณที่รู้ล่วงหน้าของหลวงพ่อเองว่าชีวิตของท่านเหลืออีกไม่มากแล้ว จึงได้เดินทางกลับมาพักอยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ
พอวันรุ่งขึ้นอาการของท่านเกิดกำเริบขึ้น
บรรดาศิษยานุศิษย์จึงได้นำท่านไปส่งโรงพยาบาลมิชชั่น
แต่สุดวิสัยที่แพทย์จะทำการช่วยเหลือและเยียวยาได้
เนื่องจากมะเร็งที่ตับอ่อนภายในทำให้หายใจลำบากมาก
หลวงพ่อโต ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคมะเร็งที่ตับอ่อนและจากไปอย่างสงบ เมื่อวันศุกร์
ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ ๑๙ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๖ เวลา
๑๐.๔๕ น. นับรวมสิริอายุได้ ๗๑ ปี ๕๑ พรรษา.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิติ์
ได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆที่ก่อเกิดอิทธิมงคล
เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์
รวมทั้งผู้ที่เคารพนับถือในตัวท่าน อาทิ ตะกรุด ลูกอม ผ้ายันต์
พระเครื่องเนื้อยา และ เนื้อดินเผา
ซึ่งในปัจจุบันอาจจะไม่ทราบหรือเคยพบเห็นมาก่อน เพราะหายากยิ่งจริงๆ
บางชนิดก็ไม่มีหลักฐานบ่งบอกที่ชัดเจน ส่วนที่รู้จักกันดีก็คือ
เหรียญหลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิติ์ รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๘๕ เนื่องในงานทำบุญฉลองอายุ ๕
รอบ (อายุ ๖๐ ปี) ลักษณะเป็นเหรียญรูปอาร์มขนาดเล็กแบบมีหูในตัว ตามประวัติระบุว่าหลวงพ่อคง
วัดบางกะพ้อม มาร่วมปลุกเสกด้วย มีการสร้างด้วยเนื้อนาค
เงิน ดีบุก อัลปาก้า และทองแดง จำนวนการสร้างรวมกันไม่ถึง ๓,๐๐๐ เหรียญ
เหรียญหลวงพ่อโต วัดคู้(ธรรมสถิติ์) สมุทรสงคราม รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เนื้อเงิน |
ด้านหน้า มีรูป หลวงพ่อโต แค่หน้าอก หันหน้าตรง ห่มจีวรลดไหล่ ข้างล่างมีอักษรไทยจารึกว่า "พระครูธรรมวิถีสถิติ์" ใต้ลงมาเป็นตัวเลขบอกปีที่สร้าง คือ "๒๔๘๕"
ด้านหลัง เป็นยันต์กันภัยและมหาอุด มียันต์พระเจ้า ๕ พระองค์อยู่ตรงกลาง กับมีอักษรขอมจารึกเป็นคาถาหัวใจต่างๆ
เหรียญรุ่นแรกที่ทันหลวงพ่อโตปลุกเสก มีจุดสังเกตุดังนี้ ด้านหน้าตรง สมณศักดิ์หลวงพ่อคำว่า
วิถีสถิติ์ ตัว “การันต์” รุ่นแรกเป็นตัวโค้งส่วนในเหรียญรุ่นหลัง
จะเป็นขีดตรง ๆ และตรงเลขบอกปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เหรียญรุ่นแรก เป็นตัวโค้ง นอกจากนี้ให้สังเกตุที่ดวงตาของหลวงพ่อจะต้องลึกและคมชัด ไม่เป็นเม็ดนูน
ลูกอมยาไพรหลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิติ์
ถือเป็นของดีของหลวงพ่อโต ที่หายากแต่ดูจบง่าย เนื้อลูกอมมีเนื้อว่านผสมมีมวลสารหลากหลายหุ้มด้วยฟรอยด์เงิน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของลูกอมหลวงพ่อโต วัดคู้
ลูกอมยาไพร หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิตย์ สมุทรสงคราม
|
ลูกอมยาไพร หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิตย์ สมุทรสงคราม |
พุทธคุณที่โดดเด่นคือใช้สำหรับป้องกันเขี้ยวงาและแก้คุณไสย์ จัดเป็นของดีที่น้อยคนนักจะรู้จัก ผู้ใดพบเห็นไม่ควรปล่อยให้หลุดลอยไป จัดเป็นของดีที่หายากน้อยคนนักที่จะรู้จัก
ภาพเหรียญ : ก้อง พญาไม้
โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***
ไม่มีความคิดเห็น