โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร พระเกจิหนังเหนียวของสมุทรสงคราม จากคำบอกเล่าของคุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์

ภาพถ่ายหลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม ถ่ายปี 2522
หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม ถ่ายปี พ.ศ. ๒๕๒๒

         คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ท่านเป็น นักแสดง นักพากษ์ ผู้เขียนบทโทรทัศน์ ผู้กำกับการแสดงชื่อดังที่มาฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อศักดิ์

         ตามคำแนะนำของคุณจำรูญ หนวดจิ๋ม (จำรูญ น้อยทิพย์) นักแสดงอาวุโส ซึ่งพี่รูญบอกว่าไปพบท่านด้วยความบังเอิญ เพราะหน้าที่ของพี่รูญตอนนั้น นอกจากเป็นนักแสดงอาชีพแล้ว ท่านยังเป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายปราสัมพันธ์ให้กับธนาคารออมสิน ซึ่งมีคุณอดิศักดิ์ เศวตนันท์ เป็นผู้อำนวยการอยู่ในสมัยนั้น

         จากหน้าที่การงานนี้ทำให้ต้องไปตามหัวเมืองต่างๆ เกือบทุกจังหวัด จนกระทั้งได้ไปกราบหลวงพ่อศักดิ์เข้า ด้วยความเลื่อมใสและประทับใจ

         และเมื่อพี่รูญ ได้เห็นว่าผม (คุณสะอาด) จมอยู่ในห้วงของความทุกข์จึงได้ออกปากชวนให้ผมลองไปกราบท่านดู

         ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ เมื่อถึงเวลานัดหมายจึงออกเดินทางไปกับพี่รูญด้วยรถยนต์ ซึ่งในสมัยนั้นการเดินทางมาวัดต้องขับรถไปทางถนนเพชรเกษม ผ่านนครปฐมไปทางราชบุรี (ยังไม่มีถนนพระราม ๒) ก่อนจะถึงราชบุรีต้องเข้าแยกบางแพ

         เพื่อจะไปดำเนินสะดวก(บ้านแพน) ปัจจุบันคือตลาดน้ำดำเนินสะดวก เมื่อไปถึงแล้วต้องจอดรถทั้งไว้ที่ท่าน้ำบ้านแพน เพราะถนนมาสุดทางแค่ตรงนี้ สมัยนั้นถนนเส้นดำเนิน-สมุทรสงครามยังไม่มี 

         แล้วต่อเรือหางยาวรับจ้างไปที่วัดอีกที โดยคิดเป็นเที่ยวตามแต่ตกลงกันทั้ง ๒ ฝ่าย สมัยนั้นคนเรือเมื่อรู้ว่าจะไปวัดไทร ทุกคนจะรู้ดีว่าเมื่อไปแล้วจะไม่รู้เวลากลับว่าจะกลับเมื่อไหร่ 

         จึงคิดราคาเหมารายวันไปในอัคราค่าเรือ ๑๕๐ บาทตายตัว มากกว่านี้ไม่ได้ เพราะถ้าถึงหูหลวงพ่อก็จะเดือดร้อน ต้องคืนให้ ไม่มีใครกล้าฝืน

         เมื่อไปส่งแล้วคนเรือก็จะต้องรอผู้เช่าเดินลงมาจากวัด ไม่ว่าจะดึกดื่นสักแค่ไหนก็ตาม เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วง เพราะหลวงพ่อท่านให้ลูกศิษย์จัดหาให้กินครบทุกมื้อ ชา กาแฟ หรือโอวัลติน ไม่มีขาด ยกเว้นก็แต่ของมึนเมาเท่านั้น (แอบเอาไปกินก็ไม่ได้)

         ตลอดคลองบางคนทีใครๆ ก็รู้ว่าหลวงพ่อดุ วาจาท่านถือเป็นเรื่องยุติได้ทุกเรื่อง เรือที่นั่งนั้นถ้าเป็นเครื่องรถยนต์สี่สูบดัดแปลงจะใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที แต่หากเป็นเครื่อง "เจโร่" ใช้เวลา ๔๕- ๕๐ นาทีก็จะถึง

         เมื่อมาถึงท่าน้ำวัด จะมีทางขึ้นที่สะดวกสบาย บริเวณรอบๆ วัดเป็นลานกว้างๆ มีต้นไม้ใหญ่โบราณอยู่ ๓ - ๔ ต้น บริเวณวัดมีลักษณะเป็นเกาะ มีต้นไม้ขึ้นอยู่โดยรอบๆ เสมือนรั้วเป็นการบ่งบอกอาณาเขต

         มีศาลาหลังใหญ่ปลูกติดกับกุฏิเรือนไทย มีพระอุโบสถแบบมหาอุตม์เก่าๆ หลังไม่ใหญ่นัก มีเจดีย์อยู่หน้าโบสถ์ ๒ องค์ ข้างโบสถมีต้นมะขามโบราณขนาดใหญ่ ๒ - ๓ คนโอบอยู่ ๑ ต้น

          ด้านหลังวัดถูกกั้นไว้เป็นเขตของโรงเรียนวัดไทร (ซึ่งตอนนั้นยังใช้ว่า "วัดไซ") เป็นเรือนไม้ ๒ ชั้น ขนาดสิบกว่าห้องเรียน ตอนที่ผมไปถึงยังเป็นเวลาเรียนอยู่

         บริเวณวัดสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบแบบธรรมชาติ เมื่อเดินมาถึงศาลาวัด บนศาลามีเจ้าบุ๊กกับเจ้าบ๊อก หมาพันธ์ไทยนอนอยู่ ๒ ตัว

         ของที่นำไปถวายท่านคือธูปหอมมงคลวิเศษ เป็นธูปขนาดใหญ่ ดอกนึงจุดได้ ๒๐ นาทีพอดี ซึ่งพี่รูญบอกว่าหลวงพ่อชอบ อีกอย่างที่นำไปถวายคือใบชา ยี่ห้อสามใบหลิว ที่ท่านชอบ

         นั่งรอสักพักหลวงพ่อก็เดินออกมาจากกุฏิ มานั่งที่อาสนะ โดยมีเจ้าหมา ๒ ตัว ขนาบข้างละตัวอย่างกับอารักขา

         พี่รูญแนะนำผมให้กับหลวงพ่อทราบถึงสาเหตุที่พาผมมากราบในวันนี้ ท่านมองดูผมด้วยความเมตตา ทั้งๆที่ท่านเป็นคนหน้าดุสมกับคำบอกเล่า

         หลวงพ่อศักดิ์เป็นคนร่างใหญ่ แบบคนไทยโบราณ สูงประมาณ ๑๘๐ เซนติเมตร ที่แขนทั้ง ๒ ข้างของท่านสักรูปมังกรเลื้อยพับรอบแขน แขนของท่านใหญ่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงล่ำบึ้ก ซึ่งปีนั้นท่านมีอายุได้ ๖๕ ปี บวชมาได้ ๔๔ - ๔๕ พรรษาแล้ว

         "จะสุขหรือทุกข์ มันก็อยู่ที่ตรงนี้" ท่านเอานิ้วชี้ที่หน้าอก

         มันอยู่ที่เรานั่นแหล่ะ ลองพิจารณาดูสิคุณ...อะไรที่มันผ่านมา มันเกิดจากการกระทำของตัวเราเองทั้งนั้น อดีตน่ะ มันแก้ไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว

         คนฉลาดก็ต้องจดจำเอาว่า ความผิดพลาดนั้นเป็นตำราที่เราจะต้องยึดถือเอาไว้ อย่าให้โกาสมันเกิดขึ้นอีกเป็นซ้ำ้สอง หรือ ซ้ำซาก

         ต้องตั้งใจที่จะทำอะไรที่มันดีกว่าเดิม อย่าซ้ำเติมตัวเองให้ผิดพลาดอีก ท่านหยุดนิ่งมองหน้าผมแล้วยิ้มๆ "แต่มันก็ทำได้ยากนะคุณ...มันอยู่ที่คุณอีกนั่นแหล่ะที่จะต้องเลือกเอาเอง" 

         ผมก้มลงกราบพร้อมแสดงความปรารถนาด้วยการขอเป็นศิษย์ หลวงพ่อยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี พี่รูญนั่งปลื้มอยู่ข้างๆ ด้วยความพอใจ

นายจำรูญ หนวดจิ๋ม ลูกศิษย์หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม
นายจำรูญ หนวดจิ๋ม ลูกศิษย์หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม

         หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ ป้าสำเนียงหญิงชราอายุประมาณ ๖๐ ปีเศษ ผมขาวโพลนหน้าตาใจดี เดินมารับผมและพี่รูญไปทานข้าวที่วัดจัดเตรียมไว้ให้ สมัยนั้นหลวงพ่อไม่เคยให้ใครอด ใครไปใครมาก็จะได้การรับรองอย่างดี คนเรือที่มาด้วยกันก็ได้รับการจัดสำรับด้วย

         หมาแมวในวัดทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรงขนเป็นมันสะอาดสะอ้าน อ้วนพี หลวงพ่อท่านว่าถ้าสมภารดูแลหมาแมวในวัดยังดูแลให้ดีไม่ได้ นับประสาอะไรจะไปดูแลพระเณร ญาติโยม ให้เจริญรุ่งเรืองได้

         เมื่อฝากตัวเป็นศิษย์แล้วเกิดเลื่อมใสในจริยวัตร และคำสั่งสอนของหลวงพ่อ จนคุณสะอาดมักเดินทางไปสนทนาธรรม และเรื่องอื่นๆมากมาย เรียกได้ว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิเลยทีเดียว

         มีอยู่วันหนึ่งหลังจากฝากตัวเป็นศิษย์วันหนึ่งหลังจากเสร็จงานทางโทรทัศน์แล้ว ก็ออกจากทีวีช่องสี่ บางขุนพรหมไปที่วัดไทร กว่าจะถึงวัดก็ตกเวลาตี ๒ เข้าไปแล้ว 

         พอเรือจอดเทียบท่าก็พบหลวงพ่อศักดิ์ยืนถือตะเกียงเจ้าพายุลงมาต้อนรับอยู่แล้ว คณะที่ไปด้วย ๒- ๓ คนแปลกใจกันใหญ่ว่าท่านทราบได้อย่างไรว่าพวกเราจะมากราบท่านดึกดื่นเช่นนี้ 

         คุณสะอาดเล่าว่าจำได้แม่นว่านั่งคุยกับท่านจนเกือบรุ่งเช้า เกิดสงสัยเรื่องเลขยันต์จึงถามหลวงพ่อว่ามีจริงไหมของแบบนี้

         ท่านจึงเล่าว่ามีจริงแต่ของจะขลังหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนเสก ว่าแล้วท่านก็ให้ไปตัดใบกล้วยที่ขึ้นอยู่ริมคลองมา ๒- ๓ ยอด (ที่มันยังม้วนอยู่) ท่านให้เอามาคลี่ปูนั่งแล้วก็เอาเหล็กจารมาเสกคาถาไม่กี่คำก็เป่าพรวดมาที่หัวคุณสะอาด พลางหัวเราะว่า "นี่เป็นเรื่องเล่นๆ ทำให้ดูเท่านั้น อย่าไปเชื่อจนงมงายล่ะ เอ๊าลุกขึ้น!" 

         เมื่อลุกขึ้นแล้ว ใบกล้วยยอดอ่อนๆ ที่ยังม้วนอยู่กลมๆ ซึ่งคุณสะอาดเอามือไปคลี่ปูนั่งให้หลวงพ่อเสกคาถาที่ท่านว่าทำเล่นๆ ให้ดู แต่...ปรากฏเป็นตัวอักษรขอมอยู่บนใบกล้วยจนเต็มไปหมดอย่างน่าอัศจรรย์

         อีกเรื่องหนึ่งคือ ที่ตัวหลวงพ่อศักดิ์มีรอยที่ถูกลูกปืนของพระกล้าชาญณรงค์ฯ (ตำรวจ) ที่ยิงท่านก่อนที่จะบวชติดตัวท่านมาตลอด รอยนั้นเป็นก้อนฝีขนาดเท่าหัวแม่มือตรงกระดูกสันหลังกลางบั้นเอวพอดี คุณสะอาดเคยเอามือคลำดูมันเป็นไตๆ ท่านไม่มีความเจ็บปวด ถือเป็นของที่ระลึกที่ได้มาก่อนบวช

         วันหนึ่งเจ้าก้อนรอยลูกปืนก็เกิดอาการอักเสบ เพราะฝังอยู่ในร่างกายของหลวงพ่อมาเป็นระยะเวลาถึง ๔๘ ปี ลูกศิษย์ที่เป็นนายแพทย์หลายรายต่างอาสาขอทำการรักษาท่านก็ปฏิเสธไปทุกราย เพราะว่าการรักษาท่านด้วยการผ่าตัดนั้นคงไม่ได้ผล แต่ละรายก็พากันถอยไปทุกราย

         ปีนั้นเป็นปี พ.ศ. ๒๕๑๔ อยู่มาวันหนึ่ง มีนายทหารอากาศที่เป็นนายแพทย์ มียศเป็นนายพลอากาศไปกราบท่าน เมื่อทราบเรื่องก็ขออาสารักษาให้ด้วยการผ่าจะเอาหนองออกให้

         หลวงพ่อศักดิ์ ท่านบอกให้นายพลอากาศผู้นั้นทราบว่า ท่านไม่เหมือนกับคนไข้ทั่วๆไป คือหนังท่านไม่สามารถที่จะใช้ศาสตรวุธใดๆ ผ่านได้

         ทำเอานายพลหมออากาศผู้นั้นหัวเราะลั่นพลางว่า ผมผ่ามาเยอะแล้วครับ ไม่มีรายไหนหรอกครับที่จะต้านมีดหมอของผมไปได้ แถมสำทับให้ทราบด้วยว่า วันนี้ได้เตรียมเครื่องมือมาด้วยแล้วเพราะได้รับทราบจากลูกศิษย์ลูกหาที่ส่งข่าวไปบอก

         ท่านเลยตามใจ โดยเหตุการณ์คุณสะอาดได้นั่งอยู่ด้วยตั้งแต่เริ่มแรก ในที่สุดคุณหมอก็ลงมือจัดการตามวิธีการของแพทย์แผนปัจจุบันกับหลวงพ่อด้วยความมั่นใจ เริ่มด้วยการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณที่จะทำการผ่าจะเอาซีสต์ก้อนนี้ออก

         ซึ่งตอนนั้น ตรงจุดบริเวณก้อนแข็งนั้น มันมีเลือดซึมๆ ออกมาใสๆ (เข้าใจว่าคงเป็นหนอง) เอาสำลีมาซับก็มองเห็นได้ เป็นน้ำสีเลือดจางๆใสๆ 

         หมอเปิดกล่องเครื่องมือที่มีเข็มฉีดยาออกมาบรรจุยาชาเตรียมฉีดบริเวณที่จะทำการรักษา แต่ปล้ำเท่าไหร่ ก็ทำการฉีดให้ไม่สำเร็จ เข็มครูดไปครูดมาบนหนังของท่าน

         ตอนนี้คุณหมอ เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาเต็มใบหน้า จนต้องหยุดนิ่งพักใหญ่ โดยที่หลวงพ่อศักดิ์ท่านก็นั่งเฉย ปล่อยให้คุณหมอปฏิบัติกับท่านต่อไป 

         สักครู่คุณหมอจึงเอามีดผ่าตัดจากกล่องมาแล้วพยายามกรีดหนังตรงก้อนซีสต์นั้น แต่ก็กรีดไม่เข้า หมอถึงกับต้องเปลี่ยนมีดไม่ต่ำกว่า ๓ เล่มก็ไม่เข้า คุณหมอถึงกับหน้าซีด ทำอยู่นานจนเห็นว่าจะไม่สำเร็จแล้วหลวงพ่อจึงพูดขึ้นว่า 

         "เอาเถอะคุณหมอคงจะเห็นและเชื่อแล้วว่ามันทำไม่ได้" ท่านหันมาทางคุณสะอาด พลางว่า  "คุณสะอาด ช่วยหลวงพ่อหน่อย เอาไม้ ๒ ท่อนนั้นมาช่วยรีดน้ำหนองออกให้หลวงพ่อที" 

         ไม้ ๒ ท่อนนั้นมีลักษณะคล้ายๆ กับ กรับของนักขับเสภาใช้ ทั้งขนาด สีสัน เช่นเดียวกันเลย โดยหลวงพ่อให้ใช้ไม้ขัดที่รอบแผล แล้วให้ใช้แก้วน้ำขนาดกลางๆ จุดไฟด้วยสำลีชุปแอลกอฮอลล์ไล่อากาศออก แล้วปิดทับที่บริเวณแผล

         มองเห็นก้อนเนื้อนูนไปตามขอบปากแก้ว น้ำหนองจากรูที่ซึมอยู่ก่อนค่อยๆปริออก และไหลทะลักออกมาใส่แก้วจนหมด คล้ายการบีบสิว ก่อนจะรีดด้วยการกดจนเลือดออกแล้วจึงใช้ยาทาแทน หมอทหารได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง และช่วยได้แค่ทายา ทาแผลให้เท่านั้น

นายสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ลูกศิษย์หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม
นายสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ลูกศิษย์หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม

         เรื่องนี้คุณมนัส ดวงสกุล และคุณโสภณ คำนึงเนตร ซึ่งสมัยนั้นเป็นเด็กวัดรับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อศักดิ์ เล่าว่า ท่านเป็นซีสต์ที่หลังจริง แต่ชาวบ้านเรียกว่าฝี ฝีนี้อยู่บริเวณสะบัก (ใต้ไหล่ด้านหลังข้างซ้าย) เป็นอาเพทที่ท่านมักจะเป็นที่จุดนี้บ่อย ไม่ปีละครั้งก็สองปีครั้ง 

         ท่านเล่าว่าตำแหน่งนี้ท่านถูกผู้หญิงยิงไม่เข้า แต่จะเกิดอาเภทคือฝีขึ้นให้ท่านเป็นทุกข์ประจำ ที่คุณโสภณ เป็นบุรุษพยาบาลทำหน้าที่คอยกดแผลให้หนองไหลออกมา เช็ดจนสะอาดดีแล้วก็เอาเมล็ดในของลูกต้อยติ่งโป๊ะไปที่แผล

         หลวงพ่อท่านไม่เคยใส่ยาอื่นเลย มีอยู่คราวหนึ่งในช่วงที่แผลจะหาย คุณโสภณก็ทำหน้าที่ตามปกติท่านคงคันรอบแผลจึงเอามีด ซึ่งคุณโสภณยืนยันว่าคมมาก (ไม่มีมีดเล่มไหนของหลวงพ่อที่ไม่คม) เคยเผลอถูกบาดโดยไม่รู้ตัวมาแล้ว 

         ท่านเอาทางดานคนเฉือนกดแล้วลากบริเวณรอบๆ แผล ลากไปตรงไหนตรงนั้นเป็นรอยขาวเป็นทาง ความคมของมีดไม่มีระคายผิวหนังท่านเลยสักนิด หลวงพ่อท่านหันมาถามว่า "เอามั่งมั้ย"

         คุณโสภณระร่ำระลักปฏิเสธ 

พระนาคปรกหน้ากากทองหลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม 2510 เนื้อผงคลุกรัก-พอกครั่ง
พระนาคปรกหน้ากากทองหลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร (หายาก) ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เนื้อผงพุทธคุณคลุกรักพอกครั่ง

         อีกเรื่องหนึ่ง คุณสะอาด เล่าว่าคราวหนึ่งวัดได้จัดงานบวชให้กับสามเณรภายในวัด แต่จะกี่รูปนั้นจำไม่ได้ พระที่ทำหน้าที่โกนผมให้เณรที่จะบวชเสร็จแล้ว 

         พระท่านก็นำมีดโกนของหลวงพ่อชนิดที่เป็นแบบพับเก็บได้ในตัว มาคืนหลวงพ่อศักดิ์ ต่อหน้าลูกศิษย์ที่นั่งกันอยู่หลายคน มีใครไม่รู้ที่เป็นศิษย์ใหม่ คงเป็นญาติสามเณรที่จะบวช เป็นคนไปจากกรุงเทพฯ เกิดอุตริตั้งคำถามขึ้นมาว่า 

         "หลวงพ่อครับ เขาเล่ากันว่าหลวงพ่อหนังเหนียว จริงไหมครับ?"

         หลวงพ่อหยุดคุยไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบว่า "ไม่รู้ซิ...คุณ..."

         ท่านหยุดพูด แล้วหันไปหยิบเอามีดโกนที่พระเพิ่งจะนำมาคืนให้มาวางไว้เมื่อสักครู่ขึ้นมา เอามือลูบตรงคมมีดอยู่ไปมา

         "อาตมาไม่รู้ว่ามันคมหรือเปล่า...เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน..."

         ท่านหยุดลูบตรงคมมีด แล้วเอาคมมีดเชือดและเฉือนแรงๆ หลายทีที่แขนข้างซ้ายของท่าน

         คุณสะอาด เล่าว่าแกเหลือบตามองหน้าคนถาม เห็นหน้าซีดจนขาวออกเขียว พวกผู้หญิงหลบหน้าหันไปมองทางอื่นกันหมด ไม่กล้าดู 

         หลวงพ่อย้ายมีดในมือที่กำลังเชือดอยู่ เลื่อนมือขึ้นไปจับที่หนังคอที่ลูกกระเดือก แล้วเอามีดโกนเชือดอีกหลายๆ ครั้ง

        คุณสะอาดได้ยินเสียงดังตึง หันไปดู เจ้าคนถามเป็นลมล้มหงายหลัง ลงไปกองกับพื้น

         หลวงพ่อหันมายิ้มๆ "อ้าว..คุณ..มีดมันทื่อน่ะ..ใครช่วยชงยาหอมให้ทีซิ..." 

         เล่นเอาพวกที่มาด้วยกันโกลาหล ต้องช่วยกันทำการปฐมพยาบาลกันยกใหญ่ พอฟื้นคืนสติขึ้นมา คุณสะอาดเห็นว่า ศิษย์คนนั้นก้มกราบขอขมาหลวงพ่อท่าน จนตูดโด่งเลยทีเดียว

         คุณสะอาด ว่าหมอนั้นยังโชคดี เพราะถ้าได้เห็นหลวงพ่อวิ่งเอาอกกระแทกหอกที่ตั้งยันกับต้นเสาไว้ มันคงช็อคจนขาดใจตาย แน่นอน!

        เรื่องนี้คุณมนัส ดวงสกุล และคุณโสภณ คำนึงเนตร ซึ่งสมัยนั้นเป็นเด็กวัดรับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อศักดิ์ เล่าว่าเป็นเรื่องจริงตอนรับใช้หลวงปู่ใกล้ชิดมีคนมาลองของบ่อยเอามีดโกนมาเองบ้าง เอาของหลวงปู่บ้าง ให้ท่านเชือดคอตัวเอง ท่านก็ทำให้ดูนะตอนแรกก็เสียวแทนแต่นานก็ชินเพราะไม่เคยเห็นว่ามันจะระคายผิวท่านเลยสักครั้ง

         พระอุโบสถที่วัดอีกอย่างหนึ่ง มีหลายคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเคยมีตำรวจทหารที่อยากลองดี เอาปืนมาลองยิงข้ามพระอุโบสถกัน แต่ไม่เคยออกบ่อยๆ จนไม่มีใครกล้ามาทดลองอีก เพราะตอนหลัง หลวงพ่อบอกว่า "ระวังเหอะ ปืนจะแตก!"

         แล้วก็ได้ผล เคยมีขี้เมาอวดแผลงฤทธิ์เอาปืนมายิงสามสี่นัด ปืนไม่ออก แต่พอนัดที่สี่ ปรากฏว่าปืนแตก ต้องไปนอนรักษาขวัญ รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชบุรีเอาเสียหลายวัน

พระปรกหน้ากากทองหลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม 2510 เนื้อผงพุทธคุณ
พระปรกหน้ากากทอง หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เนื้อผงหน้ากากทองคำ

         หลวงพ่อศักดิ์ ท่านเป็นพระที่ใจดี พระกรุที่แตกออกมาใครมาขอท่านแจกหมด แต่จะมีพระที่ท่านสร้างเท่านั้นทึ่ท่านจะหวง

         ต่อมาลูกศิษย์ได้ขอร้องให้ท่านสร้างพระและเหรียญไว้แจกบ้าง

         ซึ่งท่านก็ได้รวบรวมเอาเนื้อผงของหลวงปู่อ่วมและหลวงปู่นวลที่เก็บไว้ในลังสมบัติสมภารอาจารย์ท่านทั้ง ๒ รูป รวมทั้งคัมภีร์ใบลาน สมุดข่อยเก่าๆ ที่ชำรุดแล้ว นำมาเผาเป็นเถ้าแล้วนำมาผสมกัน 

         สั่งให้ผม (คุณสะอาด) หาช่างแกะแม่พิมพ์เป็นพระนาคปรกขึ้น ๒ ขนาด (เวลาพิมพ์พระท่านจะเอาทองคำแท้ รีดลางแบบโบราณ นัยว่าเป็นทองคำบางสะพานมากรุเป็นทองหน้าพระ ทำให้คมชัด สวยงามมาก

         พระที่ท่านสร้างเองนี้ ท่านกลับหวง จะให้ใครทุกครั้ง ท่านจะเจาะจงให้ ส่วนมากจะต้องเป็นศิษย์ที่เลื่อมใสในตัวท่านนั่นเอง ใครบอกว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อศักดิ์วัดไทร แล้วไม่มีพระที่ท่านสร้าง ก็ดูจะน้อยหน้าเอามากๆ ทีเดียว!

         พระอีกพิมพ์หนึ่งที่ท่านหวงนักหวงหนาคือ พระของอาจารย์ท่านทั้ง ๒ องค์ คือเหรียญหล่อจอบหลวงปู่อ่วม (ทองดอกบวบหล่อ) และเหรียญหลวงปู่นวล (แกะพิมพ์ ปั๊ม) ซึ่งพระทั้ง ๒ พิมพ์นี้มีจำนวนน้อยมาก สิ่งสุดท้ายคือ สีผึ้งเมตตาหลวงปู่อ่วม.


บันทึกโดย : สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๐

ข้อมูล : หนังสือพระราชทานเพลิงศพนายสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ วันอาทิตย์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒

โดย : สารานุกรม​พระเครื่อง​ลุ่ม​น้ำแม่กลอง
  
บทความที่เกี่ยวข้อง

***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

ไม่มีความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้