ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน พระเกจิขรัวเฒ่าแห่งวัดบ้านทวน กาญจนบุรี
![]() |
หลวงพ่อม่วง (จันทสโร) วัดบ้านทวน หรือ พระครูสิงคิคุณธาดา วัดบ้านทวน กาญจนบุรี |
หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน หรือ พระครูสิงคิคุณธาดา (ม่วง จันทสโร) วัดบ้านทวน อำเภอบ้านทวน (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอพนมทวน) จังหวัดกาญจนบุรี ถือเป็นพระเถระยุคเก่าที่เป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง วัตถุมงคลของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์จะค่อนข้างที่จะหายาก จนมีคำกล่าวขวัญถึงวัตถุมงคลของหลวงพ่อว่า "ถ้าใครมีเหรียญของวัดบ้านทวน ใครจะมาก่อกวนก็ไม่ต้องกลัวอะไร"
หลวงพ่อม่วง เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปี พ.ศ. ๒๓๗๘ ณ บ้านทวน จังหวัดกาญจนบุรี โยมบิดาชื่อ มั่น โยมมารดาชื่อ ใย มีพี่น้องด้วยกัน ๓ คน พอหลวงพ่อม่วงมีอายุได้ ๑๑ ปี โยมบิดาและโยมมารดา ได้นำหลวงพ่อม่วงไปฝากกับพระอธิการศรี เจ้าอาวาสวัดบ้านทวนในสมัยนั้น ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อให้หลวงพ่อม่วงได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยและและหนังสือขอม ตามแบบอย่างโบราณ
สมัยก่อนนั้นการเล่าเรียนเขียนอ่านทั้งหลายต้องไปร่ำเรียนที่วัด กุลบุตรที่ไปเรียนต้องปรนนิบัติ อุปฐากอาจารย์ คือเป็นศิษย์พระ รับใช้ท่าน กินนอนที่วัดเสร็จหรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่าเด็กวัด ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนแต่อย่างใดเลย โดยการเรียนนั่น ไม่ใช่ว่าจะร่ำเรียนแต่หนังสือแต่อย่างเดียว แต่ยังได้ฝึกวิชาการต่างๆ อีกมากมายแลัวแต่ว่าพระอาจารย์นั้นจะประสิทธิ์ประสาทวิชาอะไรให้บ้าง เช่น การช่างและวิทยาคุณอื่นๆ เนื่องจากวัดถือเป็นแหล่งกำเนิดศิลปะวิทยาการต่างๆ
หลวงพ่อม่วง ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนด้วยความขยันหมั่นเพียร จนสามารถออกเขียนได้สมควรแก่ความนิยมในสมัยนั้นแล้ว ก็ได้ลาพระอธิการศรีกลับมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ได้เป็นกำลังของครอบครัว
![]() |
หลวงพ่อม่วง (จันทสโร) วัดบ้านทวน หรือ พระครูสิงคิคุณธาดา วัดบ้านทวน กาญจนบุรี |
จวบจนเมื่อหลวงพ่อม่วง มีอายุได้ ๒๑ ปี จึงเข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบ้านทวน อำเภอบ้านทวน จังหวัดกาญจนบุรี ได้ฉายาว่า "จันทสโร" โดยมี
พระอธิการศรี วัดบ้านทวน เป็นพระอุปัชฌายะ
พระอาจารย์ช้าง วัดบ้านทวน เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ในส่วนของพระอนุสาวนาจารย์นั้น ไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ว่าเป็นพระองค์ใด จะมีก็แต่คำบอกเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ว่า เป็นพระธุดงค์มาจากจังหวัดสมุทรสงคราม
ซึ่งพระธุดงค์องค์ดังกล่าว มีวิชาทำแหวนพิรอดอันลือชื่อ ถักลวดลายได้งดงาม มีทั้งแหวนพิรอดใส่นิ้วและสวมแขน ซึ่งได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่หลวงพ่อม่วงในเวลาต่อมา
หลังจากที่หลวงพ่อม่วงได้บวชแล้ว ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย จนท่องบทสวดมนต์ และพระปาฏิโมกข์ได้อย่างแม่นยำ นอกจากเรียนพระปริยัติธรรมแล้ว ท่านยังชอบเรียนวิชากรรมฐาน สมถะ วิปัสสนาธุระ และฝึกพลังจิต
![]() |
หลวงพ่อม่วง (จันทสโร) วัดบ้านทวน หรือ พระครูสิงคิคุณธาดา วัดบ้านทวน กาญจนบุรี |
นอกจากนี้หลวงพ่อม่วง ท่านยังได้เดินรุกขมูลธุดงค์ในป่าลึก เพื่อฝึกฝนตนเองตามแบบอย่างพระในสมัยโบราณ สมัยก่อนการเดินทางทุรกันดารจริงๆไม่เจริญเหมือนทุกวันนี้ และอาณาเขตเมืองกาญจนบุรีติดต่อกับประเทศพม่า การเดินธุดงค์ก็นิยมไปนมัสการเจดีย์ชเวดากองเมืองย่างกุ้ง พระมุเตาเมืองหงสาวดี และหลวงพ่อม่วง ท่านก็ธุดงค์ไปถึงพม่า จึงนับว่าท่านมีความอดทนต่อความยากลำบากด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง
หลวงพ่อม่วง ท่านเป็นผู้ที่ขยันและเคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย ไม่เคยขาดทำวัตรสวดมนต์ สนใจในการศึกษาเล่าเรียน หลังจากอุปสมบทได้ ๘ พรรษา ก็ได้เป็นพระคู่สวดประจำวัดบ้านทวน พอถึงพรรษาที่ ๑๒ พระอธิการศรี มรณะภาพลง ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง ชาวบ้านทวนจึงร่วมกันนิมนต์หลวงพ่อม่วงขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านทวนสืบต่อแทน และเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านทวน เรียกว่า เจ้าอธิการม่วง
ด้วยความที่หลวงพ่อม่วง ท่านเป็นพระที่มีความสามารถทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จึงมีคนเลื่อมใสเคารพนับถือเป็นอันมาก พอพรรษาที่ ๒๑ ได้เป็นพระอุปัชฌายะ อุปสมบทกุลบุตรปีหนึ่งๆเป็นจำนวนมากมาย ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคณะแขวงอำเภอบ้านทวน
![]() |
หลวงพ่อม่วง (จันทสโร) วัดบ้านทวน หรือ พระครูสิงคิคุณธาดา วัดบ้านทวน กาญจนบุรี |
ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ ร.๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระสังฆราชวัดบวรนิเวศวิหาร* ได้เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ในมณฑลราชบุรี เสด็จเมืองกาญจนบุรี ทรงเห็นว่าคณะสงฆ์ในจังหวัดกาญจนบุรีมีความสงบเรียบร้อย ก็โปรดและทรงยกย่องเจ้าวัดเจ้าคณะนั้นๆ นับแต่พระครูวิสุทธิรังสี(เปลี่ยน) เจ้าคณะเมือง ตลอดมาถึงเจ้าคณะ แขวงอำเภอและพระคณาธิการ
ในขณะนี้หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน อายุเวลานั้นชราถึง ๘๐ ปีแล้ว ได้เดินทางไปรับเสด็จถึงเมืองกาญจนบุรี และทูลการงานได้คล่องแคล่ว ด้วยคุณงามความดีของเจ้าอธิการม่วง หลังจากที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ได้เสร็จสิ้นการตรวจการแล้ว ท่านได้ขอพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นสัญญาบัตรให้เจ้าอธิการม่วง วัดบ้านทวน เจ้าคณะแขวงฯ เป็นที่พระครูสิงคิคุณาธาดา ในปี พ.ศ. ๒๔๕๙
หลวงพ่อม่วง (พระครูสิงคิคุณธาดา) บำรุงศาสนกิจมาด้วยความเรียบร้อย ท่านไม่เคยเจ็บป่วยออดแอด แต่พอชรามากก็หนีกฎธรรมชาติไม่พ้น ได้ถึงมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ สิริอายุได้ ๙๓ ปี พรรษา ๗๑ได้ทิ้งคุณงามความดีไว้เป็นที่ร่ำลือมาจนทุกวันนี้.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน
หลวงพ่อม่วง เมื่อได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูสิงคิคุณาธาดา บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพเลื่อมใส ได้แสดงมุทิตาจิตทำบุญฉลองเป็นงานใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ ได้ออกเหรียญรูปไข่เป็นรูปท่านครึ่งองค์ ห่มลดไหล่ เหรียญหลวงพ่อม่วงนั้น มี ๒ แบบ คือแบบเหรียญหล่อและเหรียญปั๊ม สามารถจำแนกออกเป็นพิมพ์ต่างๆได้ดังนี้
เหรียญหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์หน้าแก่
สร้างในราวปี พ.ศ. ๒๔๖๓ มีการสร้างด้วยเนื้อโลหะทองแดง มีลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างกระบอกรูปไข่ มีหูเชื่อม จำนวนการจัดสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ เล่าต่อๆกันมาว่าสร้างไว้ประมาณ ๓๐๐ เหรียญ
![]() |
เหรียญหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์หน้าแก่ ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เนื้อทองแดง |
ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎิ ด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ว่า "พระครูสิงคิคุณธาดา" มีอักขระขอมรอบเหรียญ ๑๖ ตัวอ่านได้ว่า "อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ สัง วิ เพา ปุ กะ ยะ ปะ" มาจากพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม ๗ คัมภีร์
ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า "อิโส มิโส โมอะ นะลือ"
เหรียญหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์หน้าหนุ่ม
สร้างในราวปี พ.ศ. ๒๔๖๓ มีการสร้างด้วยเนื้อโลหะทองแดงเพียงอย่างเดียว มีลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างกระบอกรูปไข่
มีหูเชื่อม จำนวนการจัดสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์หน้าหนุ่ม ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เนื้อทองแดง |
ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎิ ด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ว่า "พระครูสิงคิคุณธาดา" มีอักขระขอมรอบเหรียญ ๑๖ ตัวอ่านได้ว่า "อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ สัง วิ เพา ปุ กะ ยะ ปะ" มาจากพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม ๗ คัมภีร์
ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า "อิโส มิโส โมอะ นะลือ"
เหรียญหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์หน้าแก่โบราณ
สร้างในราวปี พ.ศ. ๒๔๖๓ มีการสร้างด้วยเนื้อโลหะทองแดงเพียงอย่างเดียว มีลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างกระบอกรูปไข่
มีหูเชื่อม จำนวนการจัดสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์หน้าแก่โบราณ ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เนื้อทองแดง |
ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎิ ด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ว่า "พระครูสิงคิคุณธาดา" มีอักขระขอมรอบเหรียญ ๑๖ ตัวอ่านได้ว่า "อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ สัง วิ เพา ปุ กะ ยะ ปะ" มาจากพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม ๗ คัมภีร์
ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า "อิโส มิโส โมอะ นะลือ"
เหรียญหล่อหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์ยันต์เล็ก
สัญนิจฐานว่าสร้างในราวปี พ.ศ. ๒๔๖๓ มีลักษณะพิมพ์คล้ายเหรียญปั๊ม แต่ใช้วิธีการสร้างด้วยการหล่อโลหะแทน จัดสร้างด้วยเนื้อโลหะที่หลากหลายสามารถจำแนกออกได้เป็น เนื้อเงิน เนื้อสำริด เนื้อฝาบาตร และเนื้อดีบุก มีลักษณะเป็นเหรียญหล่อรูปไข่
มีหูเชื่อม จำนวนการจัดสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหล่อหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์ยันต์เล็ก ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เนื้อสำริด |
ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎิ ด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ว่า "พระครูสิงคิคุณธาดา" มีอักขระขอมรอบเหรียญ ๑๖ ตัวอ่านได้ว่า "อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ สัง วิ เพา ปุ กะ ยะ ปะ" มาจากพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม ๗ คัมภีร์
ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า "อิโส มิโส โมอะ นะลือ"
เหรียญหล่อหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์ยันต์ใหญ่
ลักษณะเป็นเหรียญหล่อโบราณ สัญนิจฐานว่าสร้างในราวปี พ.ศ. ๒๔๖๓ จัดสร้างด้วยเนื้อโลหะที่หลากหลายสามารถจำแนกออกได้เป็น เนื้อเงิน
เนื้อสำริด เนื้อฝาบาตร และเนื้อดีบุก มีลักษณะเป็นเหรียญหล่อรูปไข่
มีหูเชื่อม จำนวนการจัดสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหล่อหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน รุ่นแรก พิมพ์ยันต์ใหญ่ ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เนื้อเงิน |
ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎิ ด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ว่า "พระครูสิงคิคุณธาดา" มีอักขระขอมรอบเหรียญ ๘ ตัว
ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า "อิโส มิโส โมอะ นะลือ"
แขวนพิรอด หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน
สร้างด้วยผ้าดิบหรือผ้าห่อศพในสมัยก่อนลองอักขระยันต์ตามตำหรับที่หลวงพ่อม่วง ท่านร่ำเรียนมาจากพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน ที่เดินธุดงค์มาจากจังหวัดสมุทรสงคราม โดยเมื่อลงอักขระยันต์เสร็จแล้ว จึงม้วนควันเป็นเชือกและถักเป็นแหวน เสร็จแล้วจึงลงรักจีนไว้
![]() |
แหวนพิรอดหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน |
เมื่อบริกรรมคาถาแล้วจึงโยนเข้ากองไฟ ถ้าวงไหนไม่ถูกไฟไหม้ถือว่าใช้ได้ จึงค่อยนำมาแจกจ่ายกันในหมู่ลูกศิษย์จัดเป็นวัตถุมงคลอีกประเภทของหลวงพ่อม่วงที่หาชมของแท้ได้ยากแล้วในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการจัดสร้างพิรอดแขนอีกด้วย
ด้านพุทธคุณของเหรียญของหลวงพ่อม่วงนี้ มีผู้คนนิยมแสวงหากันเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะมีประสบการณ์ในทางมหานิยม และแคล้วคลาดอันตราย อยู่ยงคงกระพันชาตรี ก็มีคนเห็นฤทธิ์กันมามากชนิดว่าเหนียวแมลงวันไม่ได้กินเลือดเลยทีเดียว ปัจจุบันจัดเป็นพระที่หาได้ยากแล้ว ด้วยเป็นเหรียญยุคก่อน ออกมานานแล้วจนมีคำกล่าวติดปากของคนในพื้นที่ว่า “ใครมีเหรียญวัดบ้านทวน ใครจะมาก่อกวนก็ไม่ต้องกลัว”.
ข้อสังเกตุ :
จากประวัติเก่าที่บอกเล่าว่าท่านเกิดปี พ.ศ. ๒๓๖๖ เมื่อนับอายุของหลวงพ่อ ณ ตอนที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลราชบุรี ๕ จังหวัดคือ สมุทรสงคราม,ราชบุรี,กาญจนบุรี,เพชรบุรี,และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๕๘ นั้นแปลว่าหลวงพ่อม่วงมีอายุ ๙๒ ปีแล้ว และหลังจากนั้น ๑ - ๒ ปีท่านถึงได้รับสมณศักดิ์ที่พระครูสิงคิคุณาธาดา ซึ่งน่าจะอยู่ในราวปี พ.ศ. ๒๔๕๙ - ๒๔๖๐ ทำให้ความน่าเชื่อเดิมที่ว่าท่านมรณะภาพในราวปี พ.ศ. ๒๔๕๕ นั้นจึงไม่เป็นความจริง
และด้วยพุทธลักษณะของเหรียญด้านหน้าคล้ายกับเหรียญของหลวงพ่อฟัก วัดบ้านโป่ง ราชบุรี ที่สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๖๑ และด้านหลังคล้ายกับเหมือนกับเหรียญของหลวงพ่อม่วง วัดคุ้งกระถิน จังหวัดราชบุรี ที่สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ ซึ่งน่าจะสร้างไล่เลี่ยกันและสร้างจากโรงปั๊มเหรียญเดียวกัน
ก็น่าเชื่อได้ว่า ประวัติของท่านผิดพลาดที่ปี พ.ศ. เกิด หรือปีที่ท่านมรณะภาพ ซึ่งน่าจะมีการจำสับสนหรือบอกเล่าผิดๆกันมาแต่แรก เพราะฉนั้นหลวงพ่อม่วงน่าจะมรณะภาพหลังปี พ.ศ. ๒๔๖๐ อย่างแน่นอนและที่สำคัญคือเหรียญของหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน สร้างทันท่านอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องสืบหากันต่อไป.
* อ้างอิงจาก http://www.gongtham.net/my_data/mydata_mahasamana/index.php
โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***
ไม่มีความคิดเห็น