โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลของหลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง(วัดแว่นจันทร์) เจ้าตำหรับพระผงสมเด็จมหาเสนห์ แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง

หลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง สมุทรสงคราม

           หลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีประวัติคลุมเคลืออีกรูปหนึ่ง ของลุ่มน้ำแม่กลอง บางประวัติอ้างว่าเป็นพระในยุคเดียวกับหลวงพ่อโต วัดระฆัง หรือยุคเดียวกับหลวงพ่ออ้น วัดบางจาก 

           แต่จากการศึกษาพบบันทึกหลักฐานว่าได้ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตาด้วงในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ นอกจากนี้ยังเป็นพระสหมิกกับหลวงพ่อเขียว วัดบางแคน้อย จึงทำให้ข้อสัญนิฐานข้างต้นตกไป (ไม่ได้อยู่ในยุคสมเด็จโต หรือ หลวงพ่ออ้น วัดบางจาก)

           พระสมเด็จหลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง เป็นพระที่มีพุทธคุณทางเมตตามหานิยมอย่างสูงยิ่ง ถือเป็นขุนแผนแม่กลองหรือปิดตาหลวงพ่อแก้ว  วัดเครือวัลย์ดีๆนี่เอง เพราะคนสมัยก่อนชอบนำพระหลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วงมาฝนใส่น้ำให้ผู้หญิงกิน บ้างก็นำไปแช่น้ำมนต์อาบเป็นเมตตามหานิยม บ้างก็ทำน้ำมนต์ปะพรมสินค้าให้ขายดี 

          สมัยก่อนเคยมีคหบดีตระกูลใหญ่อยากได้พระของหลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง ถ้าใครมีจะขอเช่าองค์ละ ๑๐,๐๐๐ บาท เมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว เพราะว่าได้ทราบและศรัทธาในพุทธคุณสมเด็จหลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง มาจากคำบอกเล่าของหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี

หลวงพ่อศิลา พระประธานของวัดตาด้วง หรือ วัดแว่นจันทร์

          วัดแว่นจันทร์ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ตั้งเป็นวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๐ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง เดิมเรียกว่า วัดตาด้วง เข้าใจว่าตาด้วงคงเป็นผู้ถวายที่ดินสร้าง 

          ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "วัดแว่นจันทร์" ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ ภายในวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่องค์หนึ่งชื่อว่า "หลวงพ่อศิลา" สร้างจากหินศิลาแลง มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือพระปางสะดุ้งมาร 

          ถือเป็นพระประธานประจำอุโบสถตั้งแต่สร้างวัดมา ชาวบ้านวัดตาด้วง (วัดแว่นจันทร์) เรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "หลวงพ่อศิลา" ตามเนื้อพระที่แกะจากหินศิลา

          สมเด็จของหลวงพ่อเหลือง สร้างขึ้นในช่วงก่อนปี ๒๔๘๐ โดยพระสมเด็จของท่านสร้างเรื่อยๆ ไม่มีจำนวนที่แน่นอน แต่ด้วยกรรมวิธีการสร้างของท่านที่ต้องลบผงวิเศษต่างๆ อย่างพิถีพิถัน ทำให้จำนวนการสร้างน่าจะอยู่ในหลักไม่น่าจะเกินหลักร้อยถึงพันต้นๆ 

          ในองค์แท้ ๆ พิมพ์เก่าลึก ๆ ทันท่าน หายากมาก ปัจจุบันที่เล่นหากันอยู่ก็จะไม่ทันหลวงพ่อเหลือง แต่เป็นพระที่ใช้แม่พิมพ์ของท่านสร้างออกมายุคหลังๆ

สมเด็จมหาเสน่ห์หลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง เนื้อดำ

          สมัยก่อนมีเรื่องเล่าถึงพุทธคุณของ สมเด็จหลวงพ่อเหลืองว่า พระท่านมีชื่อเสียงด้านสุดยอดมหาเสน่ห่ไม่รวมสุดยอดด้านอื่นที่มีครบครัน เป็นหนึ่งอีกตำนานพระขูดผงให้ผู้หญิงกินจนมีผู้เฒ่าท่านหนึ่งเล่าว่า "ไม่ต้องไปขูดให้เสียเวลาเสียพระดอกนะ แค่เห็นสาวๆมันลงเล่นน้ำในคลอง เอ็งสวมพระหลวงพ่อเหลืองลงต้นเหนือน้ำสาวๆกลุ่มนั้นรับรองเสร็จเอ็งทั้งกลุ่ม"

          ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ทำให้คนในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่รู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จหลวงพ่อเหลือง เป็นอย่างดีพยายามเสาะหาและเจ้าของพระของท่านเพื่อให้ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ

          ด้านประวัติของหลวงพ่อเหลือง ต้องยอมรับว่าหาคนที่รู้ประวัติความเป็นมาของท่านน้อยมากจนแทบเรียกได้ไม่มีเลยก็ว่าได้  จากคำบอกเล่าของเจ้าอาวาส วัดตาด้วง หรือปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดแว่นจันทร์ หลวงพ่อท่านได้เล่าในส่วนที่ท่านพอทราบดังนี้คือ

          หลวงพ่อเหลือง ท่านเป็นจังหวัดเพชรบุรี อยู่แถวอำเภอบ้านแหลม ใกล้แถววัดปากทะเล ที่หลวงพ่อแก้ว เคยจำพรรษาอยู่ ต่อมาภายหลังท่านได้ตาม หลวงพ่อเขียว วัดบางแคน้อย มาในพื้นที่แม่กลอง

          ด้วยหลวงพ่อเหลือง ทราบว่าหลวงพ่อเขียว ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบางแคน้อย ก่อนหลายพรรษา หลวงพ่อเหลืองท่านตามมาอยู่ที่หลัง (หลวงพ่อเขียวท่านเก่งเรื่องยาสมุนไพรและวิชาอาคมมาก ขนาดหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ยังให้ความเคารพนับถือท่านมาก)

          หลังจากหลวงพ่อเหลือง มาพำนักอยู่ที่วัดบางแคน้อยได้ระยะเวลาหนึ่ง ด้วยหลวงพ่อเหลืองท่านเป็นพระที่สมถสันโดษ วันๆท่านเอาแต่สร้างพระ และลบผงพุทธคุณ โดยผงส่วนหนึ่งน่าได้มาจากจังหวัดเพชรบุรีพอสมควร เพราะพื้นเพบ้านเก่าหลวงพ่อเหลือง มาจากวัดปากทะเล ตามภูมิลำเนาเดิมท่านแล้ว 

          พระสมเด็จท่านเด่นในด้านเมตตามหาเสน่ห์ จึงน่าเชื่อถือว่าวิชาทำผงของหลวงพ่อเหลือง น่าจะเป็นตำหรับเดียวกับของหลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล และมีผงของหลวงพ่อแก้วผสมอยู่ นอกจากนี้ยังมีพุทธคุณด้านอื่นๆด้วย

สมเด็จมหาเสน่ห์หลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง เนื้อเหลือง

          ตอนที่หลวงพ่อเหลือง จำพรรษาอยู่วัดบางแคน้อย พระของท่านไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เพราะท่านเป็นพระพิการขาหลีบ ๑ ข้าง และออกแปๆเหมือนหลวงพ่ออ้น วัดบางจาก ทำให้ชาวบ้านเห็นสมณสารรูปแล้วไม่ค่อยนับถือเท่าที่ควร

          ต่อมาท่านได้ย้ายมาอยู่วัดตาด้วงหรือวัดแว่นจันทร์ ท่านก็เพียรสร้างพระเหมือนเดิม ทราบจากบันทึกของทางวัดว่าท่านได้ขึ้นเป็นสมภารวัดตาด้วงประมาณปี ๒๔๗๙  ครองวัดเป็นเจ้าอาวาส อยู่ได้ประมาณ ๒ ปี ก็มีเจ้าอาวาสใหม่ขึ้นครองแทน และไม่มีใครทราบประวัติท่านอีกเลย คาดว่าท่านได้สละตำแหน่งเจ้าวัดแล้วออกธุดงค์หายไปไม่กลับมาที่วัดตาด้วงอีกเลย  

สมเด็จมหาเสน่ห์หลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง เนื้อเหลือง

          พระสมเด็จหลวงพ่อเหลือง มีประสบการณ์มากมายหลายด้าน จนมีคหบดีท่านหนึ่งได้รับทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระสมเด็จหลวงพ่อเหลือง จากปากของหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ทำให้เกิดความศรัทธาในสมเด็จของหลวงพ่อเหลือง จึงได้ประกาศรับเช่าพระสมเด็จหลวงพ่อเหลืองว่า "ถ้ามีใครให้เช่าพระสมเด็จหลวงพ่อเหลืองท่านยินดีรับเช่าทุกองค์ในราคาถึงหนึ่งหมื่นบาท" ซึ่งสมัยนั้นถือว่ามีค่าทีเดียว

สมเด็จมหาเสน่ห์หลวงพ่อเหลือง วัดตาด้วง เนื้อเทา

          พระสมเด็จของหลวงพ่อเหลือง นอกจากจะมีดีด้านมหาเสน่ห์แล้ว ยังมีคุณวิเศษด้านคงกะพันชาตรีอีกด้วย ดังเรื่องเล่าของกำนันตำบลสวนหลวงดังนี้

          ไอ้อ่ำเป็นคนพื้นเพดั้งเดิมในตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม มันมีอาชีพเลี้ยงชีวิตด้วยการลักขโมยชาวบ้านเป็นหลัก สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านร้านถิ่นไปทั่ว ถ้าตอนกลางวันไอ้อ่ำไปด้อมๆมองๆที่ไหนเตรียมตัวไว้ได้ตกตอนกลางคืนของบ้านนั้นต้องหาย​ แม้จะระวังมันเพียงใดก็ตาม จึงทำให้มันย่ามใจ​ หาได้เกรงกลัวใครไม่

          เมืองแม่กลองอุดมสมบูรณ์ไปด้วย​ ห้วย​ หนอง​ คลอง​ บึง​ มากมายจนถูกขนานนามว่าเป็น  เมืองนครเวนิส แห่งประเทศไทย มัยก่อนถนนหนทางยังน้อย ยานพาหนะที่นิยมมากคือ เรือ บ้านไหนพอมีฐานะก็จะมีเรือยนต์​ เรือหางยาวใช้ ของโปรดที่ไอ้อ่ำชอบขโมย ก็คือเรือยนต์กับเรือหางยาวนี่เอง ถ้าหาไม่ได้เรือแจวก็เอา ไม่มีโอกาสขโมยเรือ มะพร้าวมันก็ยังขโมย 

          อยู่มาวันหนึ่งกำนันประจำตำบลนั้นสังเกตุว่า ไอ้อ่ำมาแอบพายเรือด้อมๆมองๆแถวท่าน้ำบริเวณบ้านของเขา จึงทำให้กำนันโกรธมาก​ เพราะว่าท่านเป็นถึงกำนัน​ ไอ้อ่ำยังจะกล้ามาลองดี ท่านจึงทำการนัดแนะลูกชายของท่านให้มาดักรอไอ้อ่ำเพราะรู้ว่าคืนนี้มันมาแน่ กำนันพร้อมกับบุตรชาย​ มาดักรอไอ้อ่ำเขาทั้งสองเตรียมสรรพอาวุธต่างๆไว้รอท่าเต็มอัตราศึก

          พอดึกสงัดมากก็เป็นไปดั่งที่คาดคิดไว้ไอ้อ่ำก็แอบมาขโมยเรือของกำนันจริงๆ พอมันเข็นเรือกำนันออกจากที่จอดมาได้สักหน่อย กำนันและลูกชายก็ออกมาจากที่ซุ่มแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลงใช้อาวุธต่างๆไม่ว่าจะเป็นปืนลูกซองหลายกระบอก​ ปืนสั้น​ ปืนยาวกระหน่ำยิงเข้าที่ตัวไอ้อ่ำอย่างไม่ยั้ง ได้ยินเสียงไอ้อ่ำร้อง โอ๊ย, เพียงคำเดียว ต่อจากนั้นก็ได้ยินแต่ลูกกระสุนปืนกระหน่ำนับ จนครั้งไม่ถ้วน

          สิ้นเสียงปืน กำนันเดินไปดูเห็นสภาพเรือหางยาวคันงามของท่าน ที่อยู่ในสภาพยับเยินไม่มีชิ้นดี พร้อมสภาพศพของไอ้อ่ำกองอยู่ข้างเรือหางยาวนั่นเอง กำนันจึงพูดกับบุตรชายว่า คืนนี้เราไปพักผ่อนก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาเก็บศพมัน แล้วทั้งคู่ก็แยกกันไปพักผ่อน

          พอรุ่งเช้าตื่นมา​หวังจะเก็บศพไอ้อ่ำแต่ก็ต้องประหลาดใจมาก เพราะศพไอ้อ่ำไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว สามถึงสี่วันผ่านไปกำนันได้ไปเจอมันอยู่ที่ร้านค้า สำรวจดูแล้วมันไม่เป็นอะไรเลย มันยังแซวกำนันว่า แหม..วันนั้นเล่นไม่ยั้งมือเลยนะ กำนันโมโหจึงพูดว่า "คราวหน้ากูไม่เอามึงไว้แน่" มันหัวเราะแล้วเดินจากไปแล้วพูดมาลอยๆว่า "จะทำได้หรือ ไอ้กระผมแขวนพระของหลวงพ่อเหลืองนะครับ"  

**รูปพระจาก ร้านฉัตร ร่มเกล้า**



โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง

บทความที่เกี่ยวข้อง


***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

ไม่มีความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้