ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน กาญจนบุรี ศิษย์สายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์รูปเดียวของกาญจนบุรี

หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน กาญจนบุรี

         หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน หรือ พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 

         พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์ มีเดิมท่านมีชื่อว่า สาย ไกวัลศิลป์ พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านตำบลหลานหลวง เขตนางเลิ้ง กรุงเทพฯ

         หลวงพ่อสาย เกิดวันอาทิตย์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๗  โยมบิดาชื่อนายเพิ่ม ไกวัลศิลป์ โยมมารดาชื่อนางจันทร์ โกวัลศิลป์

         เมื่อครั้งหลวงพ่อสายยังเป็นฆราวาสโยมบิดาและโยมมารดาส่งเสียให้เรียนจนจบชั้น ม.๘ หลังจบการศึกษา ท่านได้เข้ารับราชการในการรถไฟ

         ปี พ.ศ. ๒๔๕๗ ขณะนั้นหลวงพ่อสายอายุย่าง ๓๒ ปี ขณะที่ยังรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่การรถไฟ ได้ป่วยเป็นฝีประคำร้อยขึ้นรอบคอ ได้รักษาตัวโดยหมอแผนโบราณและเเพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็ไม่หายจากการเจ็บป่วย 

หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์

         จึงเข้ากราบมอบตัวเป็นศิษย์ของพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร) เจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ท่านได้เมตตารักษาจนหายขาด 

         ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลวงพ่อสายเกิดความศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาจึงขอบวชเป็นพระ และหลวงพ่อเดิมท่านก็เมตตาจัดหาเครื่องอัฏฐบริขารให้ 

         ปี พ.ศ. ๒๔๘๘ หลวงพ่อสาย จึงเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดเขาทอง ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ได้รับฉายาว่า "อคฺควํโส" โดยมี 

         พระครูนิรันตสีลคุณ เจ้าอาวาสวัดเขาทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ 

         พระอาจารย์น้อย วัดหนองโพ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ 

         พระอาจารย์ไชย วัดเขาทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

         หลังจากอุปสมบท ท่านเเล้วได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดหนองโพเรื่อยมา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและเวทย์มนต์คาถาจากหลวงพ่อเดิมเจ้าอธิการวัดในสมัยนั้น

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ หลังจากที่หลวงพ่อสายจำพรรษาที่วัดหนองโพเป็นระยะเวลา ๕ พรรษา หลวงพ่อเดิมท่านได้มรณภาพลง หลวงพ่อสายจึงออกเดินธุดงค์ตั้งเเต่บัดนั้นเป็นต้นมา

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ หลวงพ่อสายเดินธุดงค์มาจากนครสวรรค์มาปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่ที่บริเวณวัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ชาวบ้านเห็นวัตรปฏิบัติอันน่าเลื่อมใส จึงให้การอุปัฏฐากเป็นอย่างดี

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ หลวงพ่อสายก็ได้ลาชาวบ้าน เดินธุดงค์เข้าไปในประเทศพม่า เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๖ 

หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน กาญจนบุรี

         ครั้นวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๖ หลวงพ่อสายเดินธุดงค์กลับจากพม่ามาถึงวัดท่าขนุน และได้อยู่จำพรรษาที่วัดท่าขนุนจนถึง วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๖ 

         ชาวบ้านซึ่งนำโดยนายบุญธรรม นกเล็ก จึงได้นิมนต์ให้หลวงพ่อสายอยู่เป็นเจ้าอาวาสที่วัดท่าขนุนเลย เพราะตอนนั้นวัดขาดเจ้าอาวาสปกครองวัด ชาวบ้านต้องเดินทางไกลเพื่อไปประกอบพิธีทางพุทธศาสนา

         หลวงพ่อสายจึงแนะนำให้นายบุญธรรม นกเล็ก นำคณะชาวบ้านไปกราบขอท่านกับหลวงปู่น้อย เตชปุญฺโญ (พระครูนิพันธ์ธรรมคุต) เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์

         ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์และเป็นเจ้าอาวาสปกครองดูแลท่าน แล้วท่านก็ลาชาวบ้าน เดินทางกลับไปวัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์

พระครูนิพันธ์ธรรมคุต (หลวงพ่อน้อย) วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ หลังออกพรรษา นายบุญธรรม นกเล็ก จึงนำศรัทธาชาวบ้านเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์กราบหลวงปู่น้อย ขอหลวงพ่อสายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน 

         เมื่อหลวงปู่น้อยอนุญาตแล้ว หลวงพ่อสายจึงเดินทางกลับมาพร้อมกับคณะศรัทธาชาวบ้าน ถึงวัดท่าขนุนเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๗ และเริ่มทำการบูรณะวัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

         วัดท่าขนุน เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๒๓๕ บ้านท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๕๙ ไร่ ๒ งาน ๓๐ ตารางวา

         วัดท่าขนุน ตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ชาวบ้านเรียกว่า "วัดหลวงพ่อสาย" เดิมเป็นที่ดินของตระกูลนกเล็ก ได้ถวายแก่พระพุก อุตฺตมปาโล ซึ่งพื้นเพเดิมท่านเป็นชาวมอญ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อสร้างวัด

หลวงปู่พุก อุตฺตมปาโล วัดท่าขนุน กาญจนบุรี

         เมื่อหลวงปู่พุกมรณภาพ พระอาจารย์เต๊อะเน็ง โอภาโส ซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยง เป็นเจ้าอาวาสบูรณะพัฒนาวัดโดยการสร้างมณฑปพระพุทธบาท ผู้ให้ความอุปถัมภ์คือ ผู้ใหญ่บ้านทม หงสาวดี

หลวงปู่เต๊อะเน็ง โอภาโส วัดท่าขนุน กาญจนบุรี

         ต่อมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ก็เดินทางกลับไปพม่า โดยไม่ได้กลับมาอีก ทางคณะสงฆ์ส่งพระภิกษุจากในเมืองกาญจนบุรีมาช่วยดูแลวัดให้ แต่อยู่ได้ไม่นานก็หนีกลับไป เพราะทนไข้ป่าไม่ไหว วัดท่าขนุนจึงกลายเป็นวัดร้างอยู่ระยะหนึ่ง

         ต่อมาหลวงปู่สายเดิน ธุดงค์มาจากจังหวัดนครสวรรค์ มาอยู่จำพรรษาและพัฒนาวัดสร้างเสนาสนะเพิ่มขึ้น เจ้าอาวาสรูปต่อๆ มาก็ได้พัฒนาวัดนี้ตามลำดับเรื่อยมาจนปัจจุบัน

         วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๖.๕๐ เมตร ยาว ๘.๓๐ เมตร มีรายนามเจ้าอาวาสปกครองวัดเท่าที่ทราบนามคือ

         ๑. พระพุก อุตฺตมปาโล พ.ศ. ๒๔๗๒ - ๒๔๘๙

         ๒. หลวงปู่เต๊อะเน็ง โอภาโส พ.ศ. ๒๔๘๙ - ๒๔๙๔ (เดินทางกลับพม่า)

         ๓. พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (สาย อคฺควํโส) พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๓๕

         ๔. พระอธิการสมเด็จ วราสโย พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๓๙

         ๕. พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตโต พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๕๑

         ๖. พระครูวิลาศกาญจนธรรม (เล็ก สุธมฺมปญฺโญ) พ.ศ. ๒๕๕๑ - ปัจจุบัน

         หลังจากที่หลวงพ่อสายได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ท่านได้สร้างพระอุโบสถ ที่สร้างค้างไว้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จนแล้วเสร็จ

พระวิสุทธิรังษี (ดี พุทธโชติมหาเถระ) วัดเหนือ

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ หลวงปู่สายได้รับการแต่งตั้งจากพระวิสุทธิรังษี (ดี พุทธโชติมหาเถระ) วัดเหนือ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีในขณะนั้น ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ตามหนังสือแต่งตั้งเลขที่ ๑/๒๔๙๘ ลงวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๘ 

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ตามหนังสือคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ที่ ๒/๒๔๙๘ ลงวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ลงนามโดยพระวิสุทธิรังษี (ดี พุทธโชติ)

         ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ท่านได้เปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม

         ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลวงพ่อสาย ท่านได้รับเเต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌายะ ตามหนังสือของสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง เลขที่ ๖๓/๒๕๐๓ ลงวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ ลงนามโดยพระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ)

         ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ สร้างพระประธานประจําอุโบสถ ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๙๖ นิ้ว โดยนายจํารัส นกเล็ก และนางสุมน นกเล็ก สร้างถวาย

         ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ หลวงพ่อสาย ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าคณะตำบล ตามหนังสือเลขที่ ๓/๒๕๑๑ ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ ลงนามโดยพระมหาไพบูลย์ กตปุญฺโญ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม

ข่าวเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน กาญจนบุรี

         ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ หลวงพ่อสาย ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ที่ พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ เล่ม ๘๕ ตอนที่ ๑๒๒

         ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ สร้างศาลาอเนกประสงค์ ๑ หลัง เป็นอาคารไม้ ๑ หลัง กว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๒๕.๒๐ เมตร

         ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นรักษาการเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ตามหนังสือคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ที่ ๑๓๔/๒๕๑๓ ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ลงนามโดยพระวิสุทธิรังษี (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ)

         ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ หลวงพ่อสาย ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิตามหนังสือ เลขที่ ๓/๒๕๑๔ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ลงนามโดยพระธรรมสิริชัย (ชิต วิปุโล) เจ้าคณะภาค ๑๔

หลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะ และหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน กาญจนบุรี

         ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ หลวงพ่อสาย ท่านได้ร่วมกับชาวบ้านที่ศรัทธาช่วยกันพัฒนาวัดเรื่อยมาจนกลับมาเป็นวัดโดยสมบูรณ์อีกวาระหนึ่ง จนได้รับรางวัลวัดพัฒนาตัวอย่าง

         ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ สร้างหอสวดมนต์ ๑ หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๒.๑๐ เมตร

         ปี พ.ศ. ๒๕๒๙ สร้างสะพานแขวนหลวงปู่สาย เป็นสะพานไม้ประกอบลวดสลิงข้ามแม่น้ำแควน้อย เชื่อมระหว่างฝั่งวัดกับฝั่งตลาดทองผาภูมิ ทำให้สามารถร่นเวลาในการเดินทางเข้าสู่ตลาดทองผาภูมิไปได้เป็นอย่างมาก ปัจจุบันยังใช้งานอยู่เป็นปกติ

         ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ รับมอบพระพุทธรูปจตุรทิศพิทักษ์เมืองไทย ที่สร้างโดยหลวงปู่ดู่ พรฺหมฺปญฺโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นพระพุทธรูปคุ้มกันภัยแก่เมืองไทยในทิศทั้งสี่ คณะศิษย์หลวงปู่ดู่ได้อัญเชิญองค์ประจำทิศตะวันตก มาถวายหลวงปู่สาย

         ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ สร้างพระพุทธเจติยคีรี ซึ่งเป็นเจดีย์ศิลปะพม่าบนยอดเขาที่วัดท่าขนุน

         ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๗.๓๐ เมตร

         หลวงพ่อสาย อคฺควํโส ปกครองวัดเรื่อยจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕  นับรวมสิริอายุได้ ๗๘ ปี ๔๗ พรรษา.

         หลังจากมีการเก็บสรีระของหลวงปู่สายไว้ครบ ๑ ปี จะทำการพระราชทานเพลิงศพ จึงพบว่าสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ทางคณะสงฆ์วัดท่าขนุน นำโดยพระอธิการสมเด็จ วราสโยเจ้าอาวาสในสมัยนั้น จึงนำบรรจุไว้ในโลงแก้ว เพื่อให้คณะศิษย์ได้กราบไหว้บูชา

         ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ พระครูวิลาศกาญจนธรรม หรือ หลวงพ่อเล็ก ได้รับคำสั่งจากหลวงพ่อพระราชธรรมโสภณ รักษาการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ให้มาพัฒนาวัดท่าขนุน จึงได้เปลี่ยนจากโลงแก้วธรรมดา มาเป็นโลงแก้วประดับมุก

         เมื่อบรรดาศิษยานุศิษย์มีเรื่องใดที่ต้องการให้สำเร็จ มักจะมาบนบานกับสังขารหลวงปู่ เมื่อได้รับผลแล้วจะแก้บนด้วยพวงมาลัย ๙ พวง จึงมีผู้นำพวงมาลัยมาแก้บนกันทุกวัน มีการเปลี่ยนผ้าครองถวายแก่หลวงปู่ทุกปี.

วัตถุมงคลของหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน

         เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นแรก

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานฉลองสมณศักดิ์ของหลวงพ่อสาย ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดง และเนื้อทองแดงกระไหล่ทอง แบ่งออกเป็น ๒ บล็อกคือบล็อกนิยม และ บล็อกเสริม(ไม่ทันหลวงพ่อ) จำนวนการสร้างประมาณ ๑,๐๐๐ เหรียญ

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นแรก(บล็อคนิยม) ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นแรก(บล็อคนิยม) ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เนื้อทองแดง

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นแรก(บล็อคเสริม ไม่ทัน) หลังปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง

         ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อสายครึ่งองค์ห่มจีวรคลุมไหล่ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (สาย)"

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ และมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓"

         เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่น ๒

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานบริจาคทรัพย์เพื่อพัฒนาและปฏิสังขรณ์วัด รวมทั้งแจกในบุญสงกรานต์และฉลองตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอของหลวงพ่อสายในสมัยนั้น ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปกลม แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดง มีการจัดสร้างด้วยกัน ๒ บล็อกคือ บล็อกไหล่ห่าง (ทันหลวงพ่อ) และบล็อกไหล่ชิด(เสริม ไม่ทันหลวงพ่อ) จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นสอง ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เนื้อทองแดง บล็อกไหล่ห่าง(ทันยุค)

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นสอง ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เนื้อทองแดง บล็อกไหล่ชิด(ไม่ทันยุค)

         ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อสายครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (สาย) อคฺควํโส"

         ด้านหลัง เป็นรูปหลวงพ่อพุก (เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดท่าขนุน) ครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (สาย) อคฺควํโส ๑๒ เม.ย. ๒๕๑๔"

         เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่น ๓

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานฉลองสมณศักดิ์ของหลวงพ่อสาย ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปอาร์ม แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงชุบนิกเกิ้ลกระไหล่ทอง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่น ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่น ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เนื้อทองแดงชุบนิกเกิ้ลกระไหล่ทอง

          ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อสายครึ่งองค์ห่มจีวรคลุมไหล่ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (สาย)"

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ และมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี"

         เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นนายพล

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานบุญกับหลวงพ่อสาย ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปอาร์ม แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้ออัลปาก้าชุบนิกเกิ้ล จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นนายพล ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เนื้ออัลปาก้าชุปนิกเกิ้ล

           ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อสายครึ่งองค์ห่มจีวรคลุมไหล่ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (สาย)"

          ด้านหลัง มีรูปชฏาดาว ๓ ดวงและช่อมะกอกมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "รุ่นนายพล ๒๕๒๗ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี" 

         เหรียญกลมเล็กหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุนปี ๒๕๒๘

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานบริจาคทรัพย์เพื่อพัฒนาและปฏิสังขรณ์วัดและงานฉลองอายุหลวงพ่อครบ ๖ รอบ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปกลม แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญกลมเล็กหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน  ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เนื้อทองแดง

          ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อสายครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี"

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ และมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึกงานฉลองครบ ๖ รอบ พ.ศ. ๒๕๒๘"

         เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นหลังหลวงพ่ออุตตะมะ

         สร้างขึ้นหลังปี พ.ศ. ๒๕๒๗ สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานบุญกับหลวงพ่อสาย ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปอาร์ม แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงชุบนิกเกิ้ลกระไหล่ทอง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นหลังหลวงพ่ออุตตมะ เนื้อทองแดงชุบนิกเกิ้ลกระไหล่ทอง

          ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อสายครึ่งองค์ห่มจีวรคลุมไหล่ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (สาย)"

          ด้านหลัง มีหลวงพ่ออุตตะมะหันข้างห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่ออุตตมะ" 

         เหรียญข้าวหลามตัดหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นสุดท้าย

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานและทำบุญบริจาคทรัพย์สร้างพระประจำเจดีย์ของวัดท่าขนุน ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปข้าวหลามตัด แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองเหลืองกระไหล่ทอง และเนื้อทองแดง ถือเป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อสาย จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นสุดท้าย ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ เนื้อทองเหลืองกระไหล่ทอง

เหรียญหลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน รุ่นสุดท้าย ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ เนื้อทองแดง

         ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อสายครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปของหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน พ.ศ. ๒๕๓๔"  

         ด้านหลัง มีรูปเจดีย์มีอักขระยันต์เขียนว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึกสร้าง พระประจำเจดีย์" 

ข้อมูล : หนังสืออนุสรณ์งานบำเพ็ญกุศลศพ ครบ ๑ ปี พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงพ่อสาย อคฺควํโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ต. ท่าขนุน อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี  

โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

• ประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ดี วัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) เจ้าของฉายาโบราณที่ว่า "ถ้าเจ้าชู้ต้องวัดเหนือ"

***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***