โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงษ์ อัมพวา สมุทรสงคราม ศิษย์เอกหลวงพ่อทัต วัดดาวดึงษ์

ภาพถ่ายหลวงพ่อไวย วัดดาวดึงษ์ สมุทรสงคราม
หลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงษ์ สมุทรสงคราม

         หลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงษ์  หรือ พระครูไว อดีตเจ้าอาวาสวัดดาวดึงษ์ ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม บางท่านอาจไม่เคยได้ยินชื่อท่านเลย คิดเอาว่าเก่งไม่เก่งไม่รู้แต่ถ้ามีงานปลุกเสกสำคัญๆ 

         ท่านต้องได้รับเชิญไปร่วมปลุกเสกแทบทุกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ชินราชอินโดจีนในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ รวมถึงหลวงพ่อโต ๒๕๐๐ ซึ่งถ้ามีการให้ชาวบ้านเลือกพระเกจิตัวเเทนอัมพวา สมุทรสงครามล่ะก็ ท่านมักจะไปคู่กับหลวงพ่อคง ว้ดบางกะพ้อมเสมอ

         หลวงพ่อไวย์ ท่านมีนามเดอมว่า ไว นิลวาส พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๕ โยมบิดาชื่อนายรอด นิลวาส โยมมารดาชื่อนางลา นิลวาส

         ปี พ.ศ. ๒๔๔๖ หลวงพ่อไวย์ มีอายุ ๒๑ ปี ครบบวช ท่านจึงได้เข้ารับการอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดดาวโด่ง ตำบลบ้านปรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ ๑๘ มิถานายน พ.ศ. ๒๔๔๖ ได้ฉายาว่า "ธมมสโร" โดยมี

         หลวงปู่อ่วม วัดไทร เป็นพระอุปัชฌาย์

         หลวงพ่อทัต วัดดาวดึงษ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

         หลังจากที่อุปสมบท ก็ได้อยู่จำพรรษาที่วัดดาวโด่งเรื่อยมา โดยหลวงพ่อได้ไปศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจากพระอาจารย์

         ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ พระอธิการกลัดเจ้าอาวาสวัดดาวดึงษ์ได้ถึงแก่มรณภาพ คณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งให้หลวงพ่อไวย ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาที่วัดดาวโด่ง ไปเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดดาวดึงษ์ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๘

         วัดดาวดึงส์ เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๓๗ หมู่ที่ ๖ ตําบลบางช้าง อําเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๓๑ ไร่ ๓ งาน ๖๕ ตารางวา 

         วัดดาวดึงษ์ ตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๑๒๔ และเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นสมัยอยุธยา และเคยมีความสําคัญทางประวัติศาสตร์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จทอดพระเนตรวัดแห่งนี้ในคราวเสด็จประพาสต้นคลองอัมพวา โดยเสด็จประทับที่ศาลาการเปรียญวัดดาวดึงษ์ถึง ๒ ครั้ง 

         วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔ มีเจ้าอาวาสปกครองวัดที่ทราบนามดังนี้

         ๑. พระอธิการเทศ

         ๒. พระอธิการทอง

         ๓. พระอธิการขาว

         ๔. พระอธิการทัต

         ๕. พระอธิการกลัด

         ๖. พระครูไวย ธมฺมสโร

         ๗. พระครูพิพิธสมุทรคุณ

         ๘. พระปลัดดิเรก นราสโก

ภาพถ่ายหลวงพ่อทัต วัดดาวดึงษ์ สมุทรสงคราม
หลวงพ่อทัต วัดดาวดึงษ์ สมุทรสงคราม

         หลังจากที่หลวงพ่อไวยได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ ดังนี้

         ๑. พระอุโบสถ เนื่องจากพระอุโบสถหลังเก่านั้น เก่าแก่ทรุดโทรมผุพังไปตาม ยากแก่การที่จะปฏิสังขรณ์ให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรงต่อไปอีกได้

         นายยอด และนายธูป โชติช่วง ได้เป็นผู้ริเริ่มออกทุนทรัพย์เป็นรายแรก ร่วมกับหลวงพ่อไวยเป็นหัวหน้าจัดการรื้อถอนพระอุโบสถหลังเก่านั้นเสีย ทําการปลูกสร้างขึ้นใหม่ ให้มั่นคงกว้างขวางกว่าเก่า 

         โดยการเชิญชวนประชาชนทั่วไป บริจาคทรัพย์และสิ่งของตาม กำลังศรัทธา ร่วมในการปลูกสร้างพระอุโบสถหลังใหม่นี้ จนเป็นผลสําเร็จ ดังที่ประจักษ์ อยู่ทุกวันนี้

         ๒. ศาลาการเปรียญ มีนายยอด และนายธูป โชติช่วง เป็นผู้ริเริ่มบริจาคทรัพย์ ส่วนตัวจํานวนหนึ่ง และเป็นหัวหน้าร่วมกับหลวงพ่อไวย ชักชวนประชาชนบริจาคทรัพย์และสิ่งของตามกำลังศรัทธา ปลูกสร้างขึ้นจนแล้วเสร็จ ดังประจักษ์อยู่ทุกวันนี้

         ๓. กุฏิ หอสวดมนต์ หอกลาง เนื่องจากกุฏิ หอสวดมนต์ หอกลางเก่าแต่เดิมนั้น ปลูกสร้างไว้ระเกะระกะ ทำให้บริเวณวัดคับแคบ และไม่ถูกต้องเป็นไปตามแผนผังของวัด กับมีสภาพชํารุดทรุดโทรมไปตามธรรมชาติ 

         หลวงพ่อไวย เจ้าอาวาส และพระง้อ สุมาลี รองเจ้าอาวาส ได้เป็นหัวหน้าริเริ่มเชิญชวนประชาชนทั่วไป ร่วมกันบริจาคทรัพย์ และสิ่งของตามกำลังศรัทธา 

         ทำการรื้อย้ายปลูกสร้างขึ้นใหม่ให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง และเป็นไปตามแผนผังของวัด มีจำนวนกุฏิ ๘ หลัง ๒๔ ห้อง หอสวดมนต์ ๑ หลัง หอกลาง ๑ หลัง ซึ่งบัดนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังประจักษ์อยู่ทุกวันนี้

         ๔. ถนนอิฐ เนื่องจากการปรับปรุงปลูกสร้าง กุฏิ หอสวดมนต์ และหอกลาง ให้เป็นไปตามแผนผังของวัด จึงทำให้ถนนอิฐหน้าวัด สั้นขาดตอน ไม่ยาวเข้าสู่ถึงกุฏิได้ 

         พระง้อ สุมาลี รองเจ้าอาวาส ได้เป็นหัวหน้าริเริ่ม เชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมกันและ ทรัพย์และสิ่งของ ตามกําลังศรัทธา ทําการก่อสร้างต่อเติมถนนอิฐ ให้ยาวตลอดเขตหน้า วัด และเข้าสู่ถึงกุฏิ ซึ่งบัดนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว     

         ๕. เขื่อนหน้าบริเวณวัด เนื่องด้วยบริเวณหน้าวัดติดต่อกับคลองดาวดึงส์ ซึ่งมีน้ำไหลเชี่ยวมาก ทำให้กระแสน้ำไหลซัดเซาะตลิ่งพัง หลวงพ่อไวย เจ้าอาวาสและพระง้อ สุมาลี รองเจ้าอาวาส จึงได้เป็นหัวหน้าริเริ่ม เชิญชวนประชาชนทั่วไป ร่วมกันบริจาคทรัพย์และสิ่งของตามกำลังศรัทธา ทำการปลูกสร้างเขื่อนขึ้นเพื่อป้องกันตลิ่งพัง ดังประจักษ์อยู่ทุกวันนี้

         ๖. สะพานข้ามคลองดาวดึงษ์ เนื่องจากสะพานเก่าชำรุดมาก ไม่เป็นการปลอดภัย แก่ผู้สัญจรไปมา หลวงพ่อไวย เจ้าอาวาส และพระง้อ อิสุมาลี รองเจ้าอาวาส ได้เป็นผู้ริเริ่มที่จะทําการปลูกสร้างขึ้นใหม่ 

         ท่านจึงได้ทำเรื่องราวรายละเอียดในการที่จะปลูกสร้างใหม่นี้ เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อขอเงินงบประมาณมาสมทบ และก็ได้รับความสําเร็จสมประสงค์ กล่าวคือได้รับเงินงบประมาณมาสมทบ จำนวน ๒๐,๕๐๐ บาท (สองหมื่นห้าร้อยบาท)

         แต่กำลังเงินยังไม่พอเพียงที่จะดำเนินการปลูกสร้างได้ เพราะสะพานแห่งนี้ จะต้องใช้ยอดเงินจํานวน ๓๕,๐๐๐ บาท (สามหมื่นห้าพันบาท) จึงจะทำการปลูกสร้างได้ 

         ดังนั้น พระง้อ สุมาลี รองเจ้าอาวาส จึงได้นำความปรารมภ์ขอความร่วมมือต่อ นางจันทร์ นิ่มสุวรรณ บ้านตำบลท่านา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งก็ได้รับผลสมความปรารถนา 

         กล่าวคือ นางจันทร์ ฉิมสุวรรณ ได้มีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์สมทบในการ ปลูกสร้างสะพานแห่งนี้ด้วย จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) ดังนั้นเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสจึงได้เริ่มลงมือดำเนินการประมูลปลูกสร้าง ซึ่งบัดนี้ใกล้จะสําเร็จในปี พ.ศ. ๒๕๐๕

         ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูสมณศักดิ์ ชั้นประทวน ที่พระครูไว เป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดดาวดึงษ์ (ไวประชานุกูล) ซึ่งตั้งอยู่ในวัด

         ปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ท่านได้เปิดโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ขึ้นในวัด โดยมี พระง้อ อสุมาลี พระคล้อ สุธฒฺมสโร เป็นผู้สอน

         คนเฒ่าคนแก่มักเล่าถึงหลวงพ่อไวยว่า ท่านได้ไปศึกษาวิชากับหลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง และหลวงพ่ออ้น วัดบางจาก และที่สำคัญคือท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว กาญจนบุรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในสมัยนั้น โดยท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาทำน้ำมนต์, เเก้คุณไสย ,ปราบผี , รักษาโรค เเละคาถาอาคมต่างๆ

         ในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ถึง ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ นั้น ในพื้นที่อัมพวาจรดสมุทรสงครามท่านดังมากๆ วัดนี้อยู่เยื้องๆกับวัดบางกะพ้อมของหลวงพ่อคง ใครเจ็บป่วย โดนคุณไสย ผีเข้า ถ้าอยู่ฝั่งแม่น้ำนี้ก็จะไปหาท่าน หรือใครจะไปรบหรืออยากได้ของดีก็ไปหาท่าน

         เเต่คนกรุงเทพไม่รู้จักท่านมากนัก เพราะไม่มีใครมาเผยเเพร่กิติคุณของท่านมากนัก และด้วยท่านเป็นพระที่โด่งดังด้านการเป็นหมอยา มากกว่าด้านอิทธิ์ฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ทำให้ชื่อเสียงทางด้านนี้ของท่านไม่โด่งดังเท่าที่ควร

         ในยุคนั้นหลวงพ่อไวย์ ท่านถือเป็นสุดยอดทางเเก้คุณไสย รักษาโรค เเคล้วคลาด คงกระพัน ที่พึ่งของคนในละเเวกนั้น โดยถือเป็นพระหมอเลยทีเดียว

          หลวงพ่อไวย์ แกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณะภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ นับรวมสิริอายุได้ ๘๔ ปี ๖๓ พรรษา.

วัตถุมงคลของหลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงษ์

         เหรียญหลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงษ์ รุ่นแรก(นิยม)

         สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ มีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดง และเนื้อทองแดงกระไหล่ทอง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงษ์ รุ่นแรก(นิยม) ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง

         ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อไวย์ครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อไว"

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์

         เหรียญหลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงษ์ รุ่นแรก (เสริม)

         สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ มีหูในตัว เหรียญตายที่ออกในงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงพ่อไวย์ สร้างโดยหลวงพ่อง้อ เจ้าอาวาสรูปถัดมา มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงกระไหล่ทอง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงษ์ รุ่นแรก(เสริม) ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง

         ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อไวย์ครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อไว" แต่ตัวหนังสือจะบางกว่ารุ่นแรกและคำว่า ไว จะห่างกว่ารุ่นแรก

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์

         ซึ่งวัตถุมงคลถึงเเม้จะไม่เเพงเนื่องจากคนรุ่นหลังไม่ทราบประวัติท่าน เเต่ก็หายากมากๆเพราะท่านทำน้อย เเละไม่มีใครออกกัน เพราะมักจะตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นเสียมากกว่า



โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง

บทความที่เกี่ยวข้อง


***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

ไม่มีความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้