โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว ผู้สร้างพระเหรียญหล่อวัดนางสาวอันเรื่องชื่อ

หลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว สมุทรสาคร

          หลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว ท่านเป็นพระที่เก่งกาจอีกรูปหนึ่งของอำเภอกระทุ่มแบน ท่านสร้างพระหล่อเอาไว้ด้วยกัน ๓ พิมพ์ ซึ่งพระทุกพิมพ์ที่สร้างล้วนมีประสบการณ์ประจักษ์แก่คนทั้วไป จนโด่งดังเป็นที่แสวงหาของนักสะสมพระเครื่องและชาวบ้านกระทุ่มแบนเป็นอย่างยิ่ง

          หลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว ท่านมีนามเดิมว่า แก้ว ท่านเกิดวันพฤหัสบดี เดือน ๘ ปีระกา จุลศักราช ๑๒๒๓ ตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๐๔ ที่บ้านคลองกระทุ่มแบน อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โยมบิดาท่านชื่อ ภู่ มารดาชื่อ น้อย ท่านมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน ๙ คน โดยท่านเป็นบุตรคนที่ ๖  

         ปี พ.ศ. ๒๔๑๓ เมื่อท่านอายุได้ ๙ ปี โยมบิดาและโยมมารดาของท่าน ได้นำท่านไปฝากไว้ที่วัดนางสาว เพื่อศึกษาวิชาเขียนอ่าน

         จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๑๗ หลวงพ่อแก้ว มีอายุได้ ๑๓ ปี จึงได้ไปศึกษาบาลีอยู่ทีวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ แต่ได้เกิดโรคเบียดเบียน(ป่วย) จึงศึกษาได้ไม่สะดวกนัก พออายุได้ ๑๙ ปี ต้องกลับมารักษาตัวอยู่ที่วัดนางสาวและที่บ้านโยมพ่อโยมแม่

          ปี พ.ศ. ๒๔๓๐ หลังจากที่หลวงพ่อแก้ว หายป่วยแล้ว ขณะนั้นท่านอายุได้ ๒๖ ปี ท่านจึงได้เข้ารับการอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดนางสาว ตำบลนางสาว อำเภอตลาดใหม่ จังหวัดนครปฐม ซึ่งปัจจุบันมีการแบ่งเขตปกครองใหม่เป็นตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ได้รับฉายาว่า "ติสสสุวัณโณ" โดยมี

           พระอธิการนิล วัดนางสาว เป็นพระอุปัชฌาย์ 

           หลวงพ่อเกิด เป็นพระกรรมวาจาจารย์  

          เมื่อหลวงพ่อแก้วได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดนางสาว เพื่อได้อยู่ปรนนิบัติพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์ และได้เรียนกรรมฐานจากหลวงปู่นิลด้วย พอได้พรรษา ๑ แล้ว ท่านได้ลาพระอธิการนิล ไปรุขมูลกับพระอาจารย์เซ่ง วัดหงษ์ ตำบลท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร 

         ครั้นกลับมาแล้วได้อยู่เรียนวิปัสสนาธุระกับพระอาจารย์ทับ เจ้าอาวาสวัดหงษ์ เป็นเวลาถึง ๗ พรรษา (หลวงพ่อทับ วัดหงษ์ ในสมัยนั้นถือว่าเป็นเกจิเฒ่าจอมขมังเวทย์ของเมืองสาครบุรี) 

         ปี พ.ศ. ๒๔๓๘ เมื่อท่านสำเร็จวิชาต่างๆ จากพระอธิการทับหมดสิ้นแล้ว ท่านจึงได้ย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่วัดนางสาวอีก ๑ พรรษา 

         ปี พ.ศ. ๒๔๓๙ เมื่อพรรษาที่ ๙ ท่านจึงได้ไปศึกษาบาลีที่วัดบพิตรภิมุข กรุงเพทฯ เรียนบาลีอยู่ ๒ พรรษา แต่อาการป่วยของท่านได้กำเริบขึ้นอีกครั้ง ท่านจึงกลับมาพักอยู่ที่วัดหนองพะอง คลองภาษีเจริญอีก ๑ พรรษา 

         ปี พ.ศ. ๒๔๔๒ ท่านจึงได้กลับจำพรรษาอยู่ที่วัดนางสาว เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม และเป็นอาจารย์สอนคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ แก่บรรพชิตแลคฤหัสถ์ตามโอกาสสมควร 

          ปี พ.ศ. ๒๔๔๕ เมื่อหลวงพ่อแก้วบวชได้ ๑๕ พรรษา พวกสัตยบุรุษมีความเลื่อมใสในตัวท่าน จึงอาราธนาให้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ 

         และเมื่อพระอธิการแสง เจ้าอาวาสวัดนางสาวได้มรณภาพลง (หลวงพ่อแสงเป็นเจ้าอาวาสต่อจากพระอธิการนิล) ท่านจึงได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าบรรพชิตและคฤหัสถ์จัดการปลงศพหลวงพ่อแสงเสร็จแล้ว ชาวบ้านจึงนิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดนางสาวสืบมา

พระอุโบสถมหาอุด วัดนางสาว สมุทรสาคร

          วัดนางสาว หรือ วัดพรหมจารีราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา มีอายุมากกว่า ๔๐๐ ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร  มีเรื่องเล่ากันว่า มีกลุ่มชาวไทยกลุ่มหนึ่งอพยพหนีภัยสงครามพม่า มาอาศัยอยู่บริเวณวัดร้างแห่งนี้ พม่าได้ติดตามมาทัน จนเกิดการสู้รบกันขึ้น 

          โดยชายไทยฉกรรจ์เข้าต่อสู้กับทหารพม่า ส่วนเด็ก ผู้หญิง และคนชรา พากันหลบหนีเข้าไปอยู่ในโบสถ์เก่าหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นโบสถ์มหาอุด ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงประตูเข้าทางเดียว มีผู้หญิง ๒ คนซึ่งเป็นพี่น้องกัน 

          ได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์ว่า หากรอดพ้นจากภัยอันตรายครั้งนี้ได้ จะบูรณะโบสถ์หลังนี้ และเสนาสนะต่างๆ ในวัดนี้ให้ดีขึ้น ปรากฏว่าการสู้รบชายฉกรรจ์ชาวไทยชนะทหารพม่า ทุกคนที่หลบซ่อนอยู่ในโบสถ์มหาอุดต่างปลอดภัย

          ต่อมาพี่น้องสองสาวจึงคิดที่จะบูรณะโบสถ์และวัดตามที่ได้อธิษฐานไว้ แต่คนพี่เห็นว่าเป็นโบสถ์เก่ายากการแก่การบูรณะ จึงได้ไปสร้างวัดขึ้นใหม่อีก ชื่อว่า “วัดกกเตย” แต่ชาวบ้านมักจะเรียกว่า “วัดพี่สาว” ซึ่งปัจจุบันได้ถูกน้ำเซาะพังไปหมดแล้ว 

          ส่วนหญิงคนน้องได้ครองตัวเป็นโสด ได้บูรณะโบสถ์และวัดร้างดังกล่าว ตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้จนสำเร็จ ชาวบ้านเรียกชื่อนี้ว่า วัดพรหมจารีราม แต่คนส่วนใหญ่มักจะเรียกว่า วัดน้องสาว ต่อมาได้เพี้ยนกลายเป็น วัดนางสาว จนถึงทุกวันนี้

          เดิมวัดนี้ตั้งอยู่ในเขตมณฑลนครชัยศรี แต่ครั้นเมื่อมีการยุบการปกครองแบบมณฑล มีการแบ่งเขตกันใหม่ วัดนางสาวจึงตั้งอยู่ในเขตตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร

          วัดนางสาวเป็นวัดที่มีพระอุโบสถมหาอุด คือ โบสถ์ที่ไม่มีหน้าต่าง และมีประตูเข้าออกเพียงประตูเดียว โบราณาจารย์นิยมใช้เป็นสถานที่เหมาะแก่การปลุกเสกพระเครื่องรางของขลัง เพราะจะทำให้มีอานุภาพทางมหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย และคงกระพันชาตรี ซึ่งพระอุโบสถแบบนี้หาได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน วัดมีรายนามเจ้าอาวาสปกครองเท่าที่ทราบดังนี้

          ๑. พระนิล

          ๒. พระแสง

          ๓. พระอธิการแก้ว (ติสสสุวัณโณ)

          ๔. พระครูถาวรสมณศักดิ์ (คง ธมฺมสโร) ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหงอนไก่

          ๕. พระครูนิเทศน์ธรรมสาคร

          ๖. พระครูสถิตธรรมสาคร

          ๗. พระครูธรรมรัต

หนังสืองานศพหลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว สมุทรสาคร 2473
หนังสืองานศพหลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว สมุทรสาคร ตีพิมพ์ ปี พ.ศ. ๒๔๗๔(ปกพิมพ์​ผิด)​

          หลังจากที่หลวงพ่อแก้ว ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดนางสาว ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะต่างๆ ทั้งจัดการก่อสร้าง และการปฎิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัด และปรารภถึงอุโบสถเก่าที่ตลิ่งเริ่มพังเข้ามาใกล้อุโบสถ(โบสถ์มหาอุตในปัจจุบัน) จึงจัดการเริ่มก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น

         และด้วยคุณงามความดีของหลวงพ่อแก้ว ที่พัฒนาวัดอย่างต่อเนื่อง ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวน เจ้าคณะหมวดนาวสาว(เจ้าคณะตำบลในสมัยนี้) และพระอุปัชฌาย์เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ ๕๖ ปี พรรษาที่ ๓๑

         หลวงพ่อแก้ว ท่านปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงเมื่อวันจันทร์ที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๓ นับรวมสิริอายุได้ ๗๐ ปี ๔๔ พรรษา และได้รับการประชุมเพลิงเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔

วัตถุมงคลของหลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว

          เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ หลวงพ่อแก้วท่านได้จัดทำพิธีเททองหล่อพระประธานได้แก่ หลวงพ่อดำ เพื่อประดิษฐานในอุโบสถหลังใหม่ ที่กำลังก่อสร้างขึ้น พร้อมกับหล่อพระเครื่องอีก ๓ พิมพ์ คือ พิมพ์พระพุทธชินราช พิมพ์หลวงพ่อโต (ปางสมาธิปรกโพธิ์) และพิมพ์ปิดตามหาอุด สร้างด้วยเนื้อโลหะผสม โดยนำชนวนโลหะที่เหลือจากหล่อพระประธาน มาเททองหล่อแบบโบราณ

หลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ของวัดนางสาว

          เนื่องจากหลวงพ่อแก้ว มีความเคารพนับถือหลวงปู่บุญมาก อีกทั้งชาติภูมิเดิมของหลวงปู่บุญ เป็นชาว ตำบลท่าไม้ (หรือ อำเภอกระทุ่มแบน ในปัจจุบัน) มาก่อน จึงได้นิมนต์หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ (สมัยนั้น “วัดนางสาว” ขึ้นอยู่กับมณฑลนครชัยศรี) พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในสมัยนั้นร่วมนั่งปรกปลุกเสก อาทิ

          หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
          หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก
          หลวงพ่อห้อย วัดหอมเกร็ด
          หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน
          หลวงพ่ออาจ วัดดอนไก่ดี
          พระอาจารย์พา วัดระฆังฯ
          หลวงปู่แก้ว วัดนางสาว ฯลฯ

           พระหล่อโบราณ ทั้ง ๓ พิมพ์ เป็นฝีมือช่างคนเดียวกับที่แกะแม่พิมพ์เหรียญเจ้าสัว หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และที่สำคัญ ฎีกา (หนังสือ) ที่หลวงปู่แก้ว วัดนางสาว ได้นิมนต์หลวงปู่บุญ ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็น "ประธานคณะกรรมการคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม, สมุทรสาคร, และสุพรรณบุรี" มาเป็นประธานในพิธีหล่อพระที่วัดนางสาว ปี พ.ศ. ๒๔๖๔ นั้นยังเก็บรักษาไว้ในตู้กระจกที่พิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก วัดกลางบางแก้ว จนถึงทุกวันนี้

          พระหล่อพิมพ์พระพุทธชินราช หลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว

          สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ด้วยวิธีการหล่อโบราณจากเนื้อโลหะที่เหลือจากการหล่อหลวงพ่อดำ ขนาดของพระที่หล่อ มีขนาดกว้างประมาณ ๑.๕ ซม. ยาวประมาณ ๒.๕ ซม. โดยใช้แม่พิมพ์เป็นแบบพระแผง มีองค์พระหลายๆองค์วางเรียงกัน เมื่อเนื้อโลหะเย็นลงแล้ว จึงนำมาตัดแบ่งออกเป็นองค์ๆ จุดสำคัญของพระพิมพ์นี้คือ หากดูด้านข้างจะเห็นเนื้อพระเป็น ๒ ชั้น มีรอยตะไบ จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

พระหล่อหลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว พิมพ์พระพุทธชินราช ปี พ.ศ. ๒๔๖๔

          ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระพุทธชินราช ประทับนั่งบนฐานบัว ๒ ชั้น

          ด้านหลัง เรียบ มีรอยตะไบแต่งพิมพ์

          พระหล่อพิมพ์หลวงพ่อโต(ปรกโพธิ์) หลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว

          สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ด้วยวิธีการหล่อโบราณ ขนาดของพระที่หล่อ มีขนาดกว้างประมาณ ๑.๕ ซม. ยาวประมาณ ๒.๕ ซม. โดยใช้แม่พิมพ์เป็นแบบพระแผง มีองค์พระหลายๆองค์วางเรียงกัน เมื่อเนื้อโลหะเย็นลงแล้ว จึงนำมาตัดแบ่งออกเป็นองค์ๆ จุดสำคัญของพระพิมพ์นี้ คือ หากดูด้านข้างจะเห็นเนื้อพระเป็น ๒ ชั้น มีรอยตะไบ จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

พระหล่อหลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว พิมพ์หลวงพ่อโต(ปรกโพธิ์) ปี พ.ศ. ๒๔๖๔

          ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระพุทธปรกโพธิ์ปางสมาธิ ประทับนั่งบนฐานบัว ๒ ชั้น

          ด้านหลัง เรียบ มีรอยตะไบแต่งพิมพ์

          พระหล่อพิมพ์ปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว

          สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ด้วยวิธีการหล่อโบราณ ขนาดของพระที่หล่อ มีขนาดกว้างประมาณ ๑.๕ ซม. ยาวประมาณ ๒.๕ ซม. โดยใช้แม่พิมพ์เป็นแบบพระแผง มีองค์พระหลายๆองค์วางเรียงกัน เมื่อเนื้อโลหะเย็นลงแล้ว จึงนำมาตัดแบ่งออกเป็นองค์ๆ จุดสำคัญของพระพิมพ์นี้ คือ หากดูด้านข้างจะเห็นเนื้อพระเป็น ๒ ชั้น มีรอยตะไบ จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

พระหล่อหลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว พิมพ์ปิดตา ปี พ.ศ. ๒๔๖๔

          ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระปิดตามหาอุด ประทับนั่งบนฐานบัว ๒ ชั้น

          ด้านหลัง เรียบ มีรอยตะไบแต่งพิมพ์



ข้อมูล : คุณโอ กระทุ่มแบน

โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

ไม่มีความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้